คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. .... มีสาระคัญดังนี้
1. กำหนดให้จัดตั้งแผนกคดีผู้บริโภคขึ้นในศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลจังหวัดและศาลแขวง และให้มีเจ้าพนักงานคดีประจำแผนกคดีผู้บริโภคเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 4-5)
2. กรณีมีปัญหาว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ ให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย และคำวินิจฉัยให้เป็นที่สุด แต่ไม่กระทบกระบวนพิจารณาที่ได้กระทำไปก่อนมีคำวินิจฉัย (ร่างมาตรา 9)
3. กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้คู่ความที่ดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือผิดหลง ทำการแก้ไขให้ถูกต้องได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ร่างมาตรา 10)
4. มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บังคับให้นิติกรรมใดต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ มาใช้บังคับแก่ผู้บริโภค ในการฟ้องบังคับผู้ประกอบธุรกิจชำระหนี้ตามสัญญาที่ได้ทำไว้ และข้อตกลงใด ๆ ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจากที่ทำสัญญาไว้ ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซึ่งสามารถนำสืบพยานบุคคลถึงข้อตกลงได้ (ร่างมาตรา 11 -12)
5. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่จะฟ้องคดีผู้บริโภค ซึ่งมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลอื่นได้ด้วยนั้น ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้เพียงแห่งเดียว (ร่างมาตรา 14)
6. กำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคตั้งแต่การฟ้องคดี การพิจารณาคดี คำพิพากษาและคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีของศาลชั้นต้น (ร่างมาตรา 17 - 44)
7. กำหนดให้จัดตั้งแผนกคดีผู้บริโภคขึ้นในศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค และกำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคในชั้นอุทธรณ์ (ร่างมาตรา 45 - 50)
8. กำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคในชั้นฎีกา และกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง (ร่างมาตรา 51 - 65)
9. กำหนดบทเฉพาะกาลให้บรรดาคดีที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้บังคับตามกฎหมายซึ่งใช้อยู่ก่อน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด (ร่างมาตรา 66)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. .... มีสาระคัญดังนี้
1. กำหนดให้จัดตั้งแผนกคดีผู้บริโภคขึ้นในศาลแพ่ง ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ศาลแพ่งธนบุรี ศาลจังหวัดและศาลแขวง และให้มีเจ้าพนักงานคดีประจำแผนกคดีผู้บริโภคเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 4-5)
2. กรณีมีปัญหาว่าคดีใดเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่ ให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้วินิจฉัย และคำวินิจฉัยให้เป็นที่สุด แต่ไม่กระทบกระบวนพิจารณาที่ได้กระทำไปก่อนมีคำวินิจฉัย (ร่างมาตรา 9)
3. กำหนดให้ศาลมีอำนาจสั่งให้คู่ความที่ดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือผิดหลง ทำการแก้ไขให้ถูกต้องได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ร่างมาตรา 10)
4. มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่บังคับให้นิติกรรมใดต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้ มาใช้บังคับแก่ผู้บริโภค ในการฟ้องบังคับผู้ประกอบธุรกิจชำระหนี้ตามสัญญาที่ได้ทำไว้ และข้อตกลงใด ๆ ที่ผู้ประกอบธุรกิจจะให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้บริโภคเพิ่มขึ้นจากที่ทำสัญญาไว้ ให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาซึ่งสามารถนำสืบพยานบุคคลถึงข้อตกลงได้ (ร่างมาตรา 11 -12)
5. กำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่จะฟ้องคดีผู้บริโภค ซึ่งมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลอื่นได้ด้วยนั้น ให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่ผู้บริโภคมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้เพียงแห่งเดียว (ร่างมาตรา 14)
6. กำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคตั้งแต่การฟ้องคดี การพิจารณาคดี คำพิพากษาและคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีของศาลชั้นต้น (ร่างมาตรา 17 - 44)
7. กำหนดให้จัดตั้งแผนกคดีผู้บริโภคขึ้นในศาลอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์ภาค และกำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคในชั้นอุทธรณ์ (ร่างมาตรา 45 - 50)
8. กำหนดกระบวนวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคในชั้นฎีกา และกำหนดวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาและการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง (ร่างมาตรา 51 - 65)
9. กำหนดบทเฉพาะกาลให้บรรดาคดีที่ได้ยื่นฟ้องก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้บังคับตามกฎหมายซึ่งใช้อยู่ก่อน จนกว่าคดีจะถึงที่สุด (ร่างมาตรา 66)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 เมษายน 2550--จบ--