คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ ทั้ง 3 ข้อ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วย สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ฉบับภาษาไทย
2. เห็นชอบให้คณะกรรมการตรวจทานคำแปลที่สำนักงานอัยการสูงสุดจักได้แต่งตั้งต่อไป ตรวจทานคำแปลรายงานฉบับภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับร่างรายงานฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดส่งรายงานประเทศไทยฉบับสมบูรณ์ไปยังเลขาธิการสหประชาชาติหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ ให้สำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
สาระสำคัญของเรื่อง
สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) รายงานว่า
1. รายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม จัดทำขึ้นตามพันธกรณีข้อ 16 และข้อ 17 ของกติกาฯ ซึ่งกำหนดให้รัฐภาคีต้องเสนอรายงานฯ เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ทางด้านกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม กระบวนการบริหาร ความก้าวหน้าของการดำเนินการ ต่าง ๆ ทุก 5 ปี โดยประเทศไทยมีกำหนดต้องส่งรายงานฯ ฉบับแรก ในช่วงปลายปี 2545 และฉบับที่ 2 ในช่วงปลายปี 2550 ตามลำดับ แต่เนื่องจากในปี 2549 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งนำมาใช้อ้างอิงในการจัดทำร่างรายงานฯ ได้สิ้นผลบังคับไป อส. จึงรอให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่บังคับใช้ก่อน แล้วจะดำเนินการแก้ไขทบทวนเนื้อหาร่างรายงานฯ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
2. เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มีผลบังคับใช้แล้ว อส. จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางและจัดทำแผนเพื่อดำเนินการจัดทำรายงานตามพันธกรณีภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงร่างรายงานการปฏิบัติตามพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการปรับปรุงเนื้อหาร่างรายงานฯ ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและต่อมาคณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างรายงานฯ แล้ว
3. อส. ได้จัดการสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ผู้ทรงคุณวุฒิ นักวิชาการ บุคลากรในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาได้ให้ข้อมูลและข้อเสนอแนะประกอบการแก้ไขร่างรายงานฯ และได้เสนอร่างรายงานฯ ให้คณะกรรมการฯ พิจารณาซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้ อส.ปรับแก้ร่างรายงานฯ ฉบับรวมของรายงานฯ ฉบับแรกและฉบับที่สอง และส่งร่างรายงานฯ ฉบับภาษาไทยไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อพิจารณาปรับปรุงเนื้อหาร่างรายงานฯ อีกครั้ง ซึ่ง กต.ได้พิจารณาปรับปรุงร่างรายงานฯ ดังกล่าว และส่งร่างรายงาน (ฉบับสมบูรณ์) ไปยัง อส. เพื่อดำเนินการต่อไป
4. อส.ได้จัดทำร่างรายงานฯ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (7 ธันวาคม 2542) เสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อร่างรายงาน (ฉบับภาษาไทย) ดังกล่าว ทั้งนี้ อส.จะได้ดำเนินการจัดจ้างแปลร่างรายงานฯ ดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ โดยแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจทานคำแปลเพื่อตรวจทานคำแปลรายงานฉบับภาษาอังกฤษให้สอดคล้องกับร่างรายงานฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะส่งให้ กต.เพื่อดำเนินการส่งไปยังคณะกรรมการประจำกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ตามพันธกรณีแห่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ข้อ 16 และข้อ 17 และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553--จบ--