การสัมมนาและการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน

เรื่อง การสัมมนาและการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติที่ดีที่สุด

และการสร้างแนวทางปฏิบัติสากล

คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อใช้เป็นความตกลงระหว่างสหประชาชาติกับรัฐบาลไทยในการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติที่ดีที่สุด และการสร้างแนวทางปฏิบัติสากล ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) รายงานว่า

1. ประเทศไทยและเปรูได้ร่วมกันเสนอร่างข้อมติเรื่อง “Promoting best practices and lessons learned for the sustainability and integrality of alternative development programmes” ซึ่งผ่านการรับรองจากที่ประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด (Commission on Narcotic Drugs - CND) สมัยที่ 52 เมื่อเดือนมีนาคม 2552 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยข้อมติดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางเลือกในฐานะแนวทางหนึ่งในการดำเนินนโยบายเพื่อลดการปลูกพืชเสพติดที่ยั่งยืน รวมทั้งยอมรับบทบาทของประเทศกำลังพัฒนาที่ดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกจนเกิดความเชี่ยวชาญและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด

2. ในการประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 53 เมื่อเดือนมีนาคม 2553 ประเทศไทยและประเทศเปรูได้ร่วมกันเสนอข้อมติที่ 53/6 ในการร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกในประเทศไทย ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 โดยในข้อมติดังกล่าวได้ระบุให้สำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการในการจัดทำรายงานการสัมมนาและการประชุมครั้งนี้ เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการยาเสพติด สมัยที่ 54 ต่อไป

3. ยธ. โดย ป.ป.ส. ในฐานะหน่วยงานกลางด้านยาเสพติด ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) และสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เพื่อร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติว่าด้วยการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติที่ดีที่สุด และการสร้างแนวทางปฏิบัติสากล ซึ่งมีกำหนดระหว่างวันที่ 12 — 19 พฤศจิกายน 2553 ณ จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเพชรบุรี การสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ นอกจากจะเป็นการเผยแพร่และแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญ และผู้กำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทางเลือกแล้ว ยังจะเป็นการแสดงถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านการพัฒนาทางเลือก และเพื่อเทิดพระเกียรติในวโรกาส ที่จะทรงมีพระชนมพรรษา 84 พรรษาในปี 2554

4. ส่วนงบประมาณในการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมฯ ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีหม่อมราชวงศ์ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เป็นประธานคณะทำงาน ได้เห็นชอบให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารงานจัดการประชุมและบริหารงบประมาณในการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ เนื่องจากมีความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสารัตถะด้านการพัฒนาทางเลือก และการบริหารงานในรูปแบบของมูลนิธิจะทำให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากกว่าการบริหารงานของหน่วยราชการ และให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินและดำเนินการโอนเงินสนับสนุนให้แก่มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ซึ่งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้เปิดบัญชีโครงการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ เป็นการเฉพาะและดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมฯ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณได้

5. การจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ ครั้งนี้ UNODC จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของการประชุม เนื่องจากถือว่าเป็นการประชุมในกรอบสหประชาชาติ และจำเป็นต้องใช้คณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา (United Nations Office in Vienna — UNOV) และสำนักงานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) เพื่อที่เอกสารรายงานการประชุมจะได้มีรูปแบบที่ถูกต้องตามรูปแบบของสหประชาชาติ (UN Format) สำหรับการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการด้านยาเสพติด สมัยที่ 54 ทั้งนี้ UNODC ได้มีหนังสือถึงเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา แจ้งประมาณการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สำหรับการทำหน้าที่ของคณะเจ้าหน้าที่จาก UNOV และ ESCAP ในการเป็นฝ่ายเลขานุการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ พร้อมทั้งขอให้รัฐบาลไทยมีหนังสือแลกเปลี่ยนตอบรับ ค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยขอให้โอนเงินค่าใช้จ่ายจำนวน 76,409 ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่ UNOV ภายในวันที่ 20 กันยายน 2553 และให้รัฐบาลไทยมีหนังสือแลกเปลี่ยนเพื่อใช้เป็นความตกลงระหว่างสหประชาชาติกับรัฐบาลไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ ซึ่ง กต. ได้ประสานไปยังมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เกี่ยวกับการโอนเงินจำนวน 76,409 ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับฝ่ายเลขานุการจัดการสัมมนาและการประชุมของ UNOV และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้ดำเนินการโอนเงินค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้แก่ UNOV เรียบร้อยแล้ว

6. การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างสหประชาชาติกับรัฐบาลไทย ในการจัดการสัมมนาและ การประชุมนานาชาติฯ สหประชาชาติจะทำหนังสือแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานของรัฐเท่านั้น แม้วาตามข้อเท็จจริงมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จะเป็นผู้จ่ายเงินก็ตาม ดังนั้น กต. จึงได้จัดทำร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ โดยระบุให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ฝ่ายไทยเนื่องจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวียนนา เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาและร่วมหารือกับ UNODC เกี่ยวกับการจัดการสัมมนาและการประชุมนานาชาติฯ เพื่อที่ประเทศไทยจะมีบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศ

7. ส่วนประเด็นร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่นั้น ยธ. พิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ไม่เข้าข่ายมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ กต. ที่ว่า ร่างหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าวมีสาระเป็นเพียงการกำหนดรายละเอียดของการให้บริการแปลและล่ามภาษาต่างประเทศสำหรับการประชุม รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินการดังกล่าวเท่านั้น ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย หรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 พฤศจิกายน 2553--จบ--