บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 10, 2010 16:10 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาความจำเป็นในการกำหนดข้อผูกพันทางการเงินในข้อ 8 ของบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ก่อนเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ หากรัฐสภาไม่ได้พิจารณาบันทึกความเข้าใจฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) นี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเสนอบันทึกความเข้าใจฯ ไปยังรัฐสภาในสมัยประชุมถัดไป โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก

2. มอบอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก

สาระสำคัญของเรื่อง

1. วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมด้านวิทยาศาสตร์ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างสมรรถนะและ การค้าในด้านเกษตร และในสาขาที่เกี่ยวข้องระหว่างคู่ภาคี โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติต่อความร่วมมือในสาขาอื่นๆ ซึ่งอาจมีการพิจารณาในอนาคต

2. ขอบเขตความร่วมมือ : ได้แก่ การเกษตร ซึ่งรวมทั้งสัตว์ ประมง และพืช การส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร การจัดการและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพด้านการเกษตร เป็นต้น (ข้อ 4)

3. กำหนดให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมด้านการเกษตร หรือเรียกว่า “JAWG” เพื่อการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ โดยคณะทำงานร่วมด้านการเกษตรจะรับผิดชอบในการประเมินผล หรือเสนอโครงการเพื่อการพัฒนาและปรับปรุง รวมทั้งให้คำแนะนำ (ข้อ 3)

4. รูปแบบของความร่วมมือ : ความร่วมมือจะอยู่ในรูปแบบของการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนนักวิชาการและนักวิจัย การศึกษาและการจัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ การวิจัยร่วมด้านการเกษตร รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางวิชาการ เป็นต้น (ข้อ 6)

5. การระงับข้อพิพาท : ข้อพิพาทระหว่างคู่ภาคีที่เกิดจากการตีความหรือการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ให้ระงับโดยฉันท์มิตรด้วยการหารือหรือเจรจาระหว่างคู่ภาคี (ข้อ 10)

6. การมีผลบังคับใช้ ระยะเวลา และการสิ้นสุด : บันทึกความเข้าใจฉบับนี้มีผลบังคับในวันที่มีการลงนาม และจะมีผลใช้บังคับนับจากวันที่มีการลงนาม เป็นระยะเวลา 5 ปี และหลังจากนั้นจะขยายอายุโดยอัตโนมัติอีกครั้งละ 5 ปี แต่อาจสิ้นสุดโดยภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบล่วงหน้า 3 เดือน ก่อนบันทึกความเข้าใจจะสิ้นสุด (ข้อ 11)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ