การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Adminstration

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 10, 2010 16:12 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้

1. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ State Oceanic Adminstration และอนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพันตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ หากรัฐสภาไม่ได้พิจารณาบันทึกความ เข้าใจฯ ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) นี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเสนอบันทึกความเข้าใจฯ ไปยังรัฐสภาในสมัยประชุมถัดไป โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก

2. เห็นชอบมอบอำนาจให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจฯ ขอให้ผู้ลงนามสามารถใช้ดุลพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้ และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนาม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้ เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

ข้อเท็จจริง

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ได้พิจารณาเห็นชอบให้มีความร่วมมือทางด้านทะเล ระหว่าง State Oceanic Adminstration (SOA) สาธารณรัฐประชาชนจีน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และ State Oceanic Adminstration ได้ร่วมกันจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding on Marine Cooperation) เพื่อเสริมสร้าง ส่งเสริม และพัฒนาความร่วมมือทางด้านทะเลบนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งในการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ได้ขอความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ได้ขอความเห็นไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ด้วยแล้ว ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรธรณี กรมประมง กรมอุตุนิยมวิทยา กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี และกรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกอบกับกระทรวงการต่างประเทศมีความเห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจเป็นการทำความตกลงความร่วมมือด้านทรัพยากรทางทะเลระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับหน่วยงานของจีน คือ State Oceanic Adminstration ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ จึงอาจเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการให้มีผลผูกพัน

สาระสำคัญของเรื่อง

1. วัตถุประสงค์ เสริมสร้าง ส่งเสริม และพัฒนาความร่วมมือทางด้านทะเลบนพื้นฐานความเท่าเทียมกันและประโยชน์ร่วมกัน

2. ขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่ ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนนโยบายทางด้านทะเล การจัดการชายฝั่งและหมู่เกาะ การบรรเทาและป้องกันพิบัติภัยทางทะเล เป็นต้น (ข้อ 2)

3. รูปแบบของความร่วมมือ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนการเยือนของผู้แทนรัฐบาล การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการและทีมผู้เชี่ยวชาญ การจัดทีมสำรวจทางทะเลและทดลองทางวิทยาศาสตร์ร่วมกัน เป็นต้น (ข้อ 3)

4. การจัดตั้งคณะกรรมการร่วม ทางด้านความร่วมมือทางทะเล ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากคู่ภาคี โดยภาคีแต่ละฝ่ายจะแต่งตั้งประธานร่วมและคณะกรรมการอีก 4 คนในคณะกรรมการร่วมดังกล่าว และจะประชุมร่วมกันทุก 2 ปี ตามความจำเป็น (ข้อ 5)

5. การเข้าร่วมของภาคีที่สาม คู่ภาคีอาจแต่งตั้งองค์การหรือสถาบันที่เกี่ยวข้องในประเทศแต่ละฝ่าย เพื่อดำเนินความร่วมมือภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ (ข้อ 8)

6. การคุ้มครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญา กำหนดให้การคุ้มครองกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทางปัญญาจะบังคับใช้โดยสอดคล้องกับกฎหมาย กฎและระเบียบของคู่ภาคีแต่ละฝ่ายและสอดคล้องกับบันทึกความเข้าใจระหว่างประเทศอื่นที่ลงนามโดยทั้งคู่ภาคี และหากทรัพย์สินทางปัญญาถูกนำมาใช้โดยภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อวัตถุประสงค์ในเชิงพาณิชย์ ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งมีสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งตอบแทนที่เป็นธรรม (ข้อ 9)

7. การระงับข้อพิพาท ข้อแตกต่างหรือข้อพิพาทใดระหว่างคู่ภาคีในเรื่องกับการตีความ และ/หรือการนำบทบัญญัติของบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ไปใช้ จะเป็นไปอย่างฉันท์มิตร โดยการหารือและ/หรือเจรจาระหว่างคู่ภาคี โดยช่องทางการทูต โดยไม่อาศัยภาคีที่สามหรืออนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ (ข้อ 14)

8. การมีผลบังคับใช้ ระยะเวลา และการสิ้นสุด มีผลบังคับใช้นับจากวันที่ลงนาม และจะมีผลใช้เป็นเวลา 5 ปี และจะต่ออายุโดยอัตโนมัติเป็นระยะเวลา 5 ปี หลังจากนั้นจะยังคงมีผลใช้บังคับโดยการต่ออายุคราวละ 5 ปี (ข้อ 15)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 พฤศจิกายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ