คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยและผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชนที่เกิดขึ้นในปี 2550 (ข้อมูลถึงวันที่ 4 มิถุนายน 2550) ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2550)
1.1 สาเหตุการเกิด ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2550 ร่องความกดอากาศต่ำผ่าน ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออก ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดเข้ามาปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในบางจังหวัด ประชาชนประสบความเดือดร้อนและทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งฯ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี
1.3 ความเสียหาย
1) ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนทั้งหลัง 2 หลัง บางส่วน 57 หลัง ถนน 153 สาย สะพาน 50 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 68 แห่ง เหมือง 2 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง บ่อน้ำ 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 113 บ่อ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ สัตว์ปีก 1,548 ตัว
1.4 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท
1.5 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน เข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้ง 12 จังหวัด โดยจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดพิจิตรพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วม ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2550
1.6 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หน่วยทหารในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย รวม 166 เครื่อง
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2550 จากกรมชลประทาน)
2.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 46,391 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (43,643 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 2,748 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
2.2 อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 9,462 และ 5,819 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 70 และ 61 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำ ทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 15,281 ล้านลูกบาศก์เมตร
2.3 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 4 อ่าง ได้แก่
1) อ่างเก็บน้ำกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 230 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 96 ของความจุอ่างฯ
2) อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 15,076 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุอ่างฯ
3) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยองมีปริมาตรน้ำในอ่าง 134 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุอ่างฯ
4) อ่างเก็บน้ำบางลาง จังหวัดยะลา มีปริมาตรน้ำในอ่าง 1,244 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุอ่างฯ
3. การคาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน 2550 (ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)
ลักษณะทั่วไป เดือนนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูฝน ร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และในระยะปลายเดือนร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ สำหรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยเกือบตลอดเดือน โดยในระยะปลายเดือนจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นในช่วงต้นและกลางเดือน โดยจะมีฝนตกหนักและหนักมากหลายพื้นที่ ส่วนในระยะปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะลดน้อยลง และอาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงขึ้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
ข้อควรระวัง ในเดือนนี้อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก และอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ได้ ซึ่งจะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น เป็นผลให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาไว้ด้วย
4. มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ของกระทรวงมหาดไทย
กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน จำนวน 51 จังหวัด พิจารณาดำเนินการ (เพิ่มเติม) ดังนี้
1) ตรวจสอบแผนป้องกันบรรเทาภัยและการอพยพประชาชนจากอุทกภัยและดินถล่ม พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลกำลังบุคลากร เครื่องมือ เครื่องใช้ให้เป็นปัจจุบันและสามารถสนธิกำลังได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น
2) ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยจากอุทกภัยและดินถล่มว่ามีความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เช่น อาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม “มิสเตอร์เตือนภัย” เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนแจ้งเตือนภัย แล้วให้พิจารณาจัดเวรยามเฝ้าระวังตามสภาพของแต่ละพื้นที่และฝึกซ้อมการอพยพประชาชน
3) พื้นที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยใดที่ยังไม่มีการฝึกอบรมการจัดการภัยพิบัติระดับชุมชน ( Community Based Disaster Risk Management : CBDRM ) หรือไม่มีการจัดตั้ง “มิสเตอร์เตือนภัย” ให้รีบดำเนินการจัดฝึกอบรมเป็นลำดับแรก เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการจัดการสาธารณภัยของชุมชนอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาสนับสนุนอุปกรณ์ในการเตือนภัยและฝึกซ้อมการอพยพประชาชนเมื่อเกิดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่
4) ตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตกว่ามีความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์แจ้งเตือนภัยหรือไม่ (เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนแจ้งเตือนภัย) เพื่อกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจักได้สนับสนุนแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในการจัดตั้ง “มิสเตอร์เตือนภัย”
5) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศและคำเตือนของทางราชการ พร้อมทั้งเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะอุทกภัยและดินถล่มตลอดเวลา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2550)
1.1 สาเหตุการเกิด ระหว่างวันที่ 1 - 30 พฤษภาคม 2550 ร่องความกดอากาศต่ำผ่าน ภาคกลางตอนล่าง ภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออก ประกอบกับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดเข้ามาปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและประเทศไทย ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วมในบางจังหวัด ประชาชนประสบความเดือดร้อนและทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก
1.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 12 จังหวัด 38 อำเภอ 7 กิ่งฯ 172 ตำบล 876 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดลำปาง พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ นครสวรรค์ กำแพงเพชร พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุทัยธานี สุพรรณบุรี นครปฐม และชลบุรี
1.3 ความเสียหาย
1) ราษฎรเดือดร้อน 70,025 คน 19,076 ครัวเรือน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนทั้งหลัง 2 หลัง บางส่วน 57 หลัง ถนน 153 สาย สะพาน 50 แห่ง ทำนบ 6 แห่ง ฝาย 68 แห่ง เหมือง 2 แห่ง วัด 2 แห่ง โรงเรียน 8 แห่ง สถานที่ราชการ 19 แห่ง บ่อน้ำ 6 แห่ง ท่อระบายน้ำ 53 แห่ง บ่อปลา/กุ้ง 113 บ่อ พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 73,682 ไร่ สัตว์ปีก 1,548 ตัว
1.4 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 60,483,220 บาท
1.5 สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน เข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้ง 12 จังหวัด โดยจังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดพิจิตรพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วม ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2550
1.6 การให้ความช่วยเหลือของจังหวัด/อำเภอ จังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หน่วยทหารในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 (งบ 50 ล้านบาท) แล้ว ปัจจุบันกรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือในพื้นที่ที่เกิดอุทกภัย รวม 166 เครื่อง
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2550 จากกรมชลประทาน)
2.1 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศมีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 46,391 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (43,643 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 2,748 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด
2.2 อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 9,462 และ 5,819 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 70 และ 61 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำ ทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 15,281 ล้านลูกบาศก์เมตร
2.3 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ มากกว่า 80 % ของความจุอ่างฯ มีจำนวน 4 อ่าง ได้แก่
1) อ่างเก็บน้ำกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 230 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 96 ของความจุอ่างฯ
2) อ่างเก็บน้ำศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่าง 15,076 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85 ของความจุอ่างฯ
3) อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จังหวัดระยองมีปริมาตรน้ำในอ่าง 134 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 82 ของความจุอ่างฯ
4) อ่างเก็บน้ำบางลาง จังหวัดยะลา มีปริมาตรน้ำในอ่าง 1,244 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุอ่างฯ
3. การคาดหมายลักษณะอากาศของประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน 2550 (ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา)
ลักษณะทั่วไป เดือนนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูฝน ร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และในระยะปลายเดือนร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านประเทศจีนตอนใต้ สำหรับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะพัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยเกือบตลอดเดือน โดยในระยะปลายเดือนจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นในช่วงต้นและกลางเดือน โดยจะมีฝนตกหนักและหนักมากหลายพื้นที่ ส่วนในระยะปลายเดือนปริมาณและการกระจายของฝนจะลดน้อยลง และอาจเกิดสภาวะฝนทิ้งช่วงขึ้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว
ข้อควรระวัง ในเดือนนี้อาจมีพายุหมุนเขตร้อนก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือด้านตะวันตก และอาจเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ลงสู่ทะเลจีนใต้ได้ ซึ่งจะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น เป็นผลให้บริเวณประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาไว้ด้วย
4. มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่ม ของกระทรวงมหาดไทย
กองอำนวยการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนแห่งราชอาณาจักร กระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งให้จังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลัน จำนวน 51 จังหวัด พิจารณาดำเนินการ (เพิ่มเติม) ดังนี้
1) ตรวจสอบแผนป้องกันบรรเทาภัยและการอพยพประชาชนจากอุทกภัยและดินถล่ม พร้อมทั้งปรับปรุงข้อมูลกำลังบุคลากร เครื่องมือ เครื่องใช้ให้เป็นปัจจุบันและสามารถสนธิกำลังได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น
2) ตรวจสอบความพร้อมของหมู่บ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยจากอุทกภัยและดินถล่มว่ามีความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ เช่น อาสาสมัครเตือนภัยดินถล่ม “มิสเตอร์เตือนภัย” เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนแจ้งเตือนภัย แล้วให้พิจารณาจัดเวรยามเฝ้าระวังตามสภาพของแต่ละพื้นที่และฝึกซ้อมการอพยพประชาชน
3) พื้นที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยใดที่ยังไม่มีการฝึกอบรมการจัดการภัยพิบัติระดับชุมชน ( Community Based Disaster Risk Management : CBDRM ) หรือไม่มีการจัดตั้ง “มิสเตอร์เตือนภัย” ให้รีบดำเนินการจัดฝึกอบรมเป็นลำดับแรก เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในการจัดการสาธารณภัยของชุมชนอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาสนับสนุนอุปกรณ์ในการเตือนภัยและฝึกซ้อมการอพยพประชาชนเมื่อเกิดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชนในพื้นที่
4) ตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นน้ำตกว่ามีความต้องการเครื่องมือและอุปกรณ์แจ้งเตือนภัยหรือไม่ (เครื่องวัดปริมาณน้ำฝน ไซเรนแจ้งเตือนภัย) เพื่อกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจักได้สนับสนุนแก่หน่วยงานที่รับผิดชอบแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในการจัดตั้ง “มิสเตอร์เตือนภัย”
5) ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารการพยากรณ์อากาศและคำเตือนของทางราชการ พร้อมทั้งเฝ้าระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากภาวะอุทกภัยและดินถล่มตลอดเวลา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--