คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานสถานการณ์ไฟป่าและผลการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 18 — 25 มีนาคม 2550 ดังนี้
1. สถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควัน
1.1 สถานการณ์ไฟป่าในภาพรวมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2550 ปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 6,341 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 98,720.50 ไร่ โดยท้องที่ภาคเหนือ มีสถิติไฟไหม้มากที่สุด จำนวน 3,813 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 43,842 ไร่
1.2 จากการตรวจติดตาม Hotspot (จุดที่คาดว่าจะเกิดไฟ) จากดาวเทียม Terra และ Aqua ด้วยระบบ MODIS ช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มีนาคม 2550 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 18 — 19 มีนาคม 2550 เกิด Hotspot จำนวนมากในพื้นที่ประเทศพม่า และลาว ทั้งนี้ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2550 ตรวจพบ Hotspot จำนวน 267 จุดและมีแนวโน้มลดลงช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และข้อมูลในวันที่ 25 มีนาคม 2550 พบ Hotspot จำนวน 159 จุด สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือมีแนวโน้มของ Hotspot ลดลงเช่นเดียวกันในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และในวันที่ 25 มีนาคม 2550 พบจำนวน 72 จุด
1.3 สถานการณ์ไฟป่าในจังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18-25 มีนาคม 2550 ปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 494 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 6,839.50 ไร่ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่ถูกไฟไหม้มากที่สุด จำนวน 2,754 ไร่ รองลงมาได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ จำนวน 1,632 ไร่ และ 710 ไร่ ตามลำดับ
1.4 จากการบินตรวจสอบสถานการณ์ไฟป่า ระหว่างวันที่ 19-22 มีนาคม 2550 พบว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พบไฟไหม้ 17 จุด ดำเนินการดับไฟแล้ว ทั้ง 17 จุด ท้องที่จังหวัดเชียงราย พบไฟไหม้ 1 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อย วันที่ 20 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พบไฟไหม้ 10 จุด ดำเนินการดับไฟแล้วทั้ง 10 จุด ท้องที่จังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงป่าเป้า พบไฟไหม้ 1 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อย วันที่ 21 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบไฟไหม้ 17 จุด ดำเนินการดับไฟแล้วทั้ง 17 จุด และเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบไฟไหม้ 3 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อยทั้ง 3 จุด
1.5 สถานการณ์มลพิษหมอกควันภาคเหนือช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มีนาคม 2550 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 3) ภาพรวมของภาคเหนือ ปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 00.00 น. มีแนวโน้มลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และกลับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐานในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 ยกเว้นจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ยังคงมีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเกินเกณฑ์มาตรฐานตลอดเวลา
- จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 18 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 193 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย หลังจากนั้นลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่าเท่ากับ 166 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
- จังหวัดลำปาง ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 18 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง หลังจากนั้นลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2550 เป็นต้นมา และกลับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน ในวันที่ 25 มีนาคม 2550 โดยมีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ มีค่าเท่ากับ129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- จังหวัดเชียงราย ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 19 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 213 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นมีค่าลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กยังคงอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ตรวจพบในวันที่ 19 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 328 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นลดลงเล็กน้อยและกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 222 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
2. ผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
2.1 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
1) กำลังสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 580 คน ยังคงปฎิบัติภารกิจการควบคุมไฟป่าในจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือที่มีปัญหาหมอกควันต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ จึงจะถอน กำลังกลับที่ตั้ง ซึ่งขณะนี้มีกำลังพนักงานดับไฟป่าในท้องที่ภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น จำนวน 3,248 คน
2) สั่งการให้กำลังพลจากส่วนป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า จำนวน 300 คน เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจลาดตระเวนและจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า
3) รณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่าทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ จัดทำข้อความด้วยอักษรตัววิ่งผ่านทางโทรทัศน์ทุกช่อง
4) จัดตั้ง War Room ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างใกล้ชิด
5) พยากรณ์สถานการณ์ไฟป่า เพื่อแจ้งเตือนภัยไฟป่าล่วงหน้าต่อสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่าน Website : www.dnp.go.th /forestfire/
6) รับแจ้งเหตุไฟไหม้ป่าผ่านสายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1มีนาคม 2550 ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2550 มีผู้แจ้งเหตุไฟไหม้ป่าจำนวน 193 ครั้ง
7) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจลาดตระเวนในพื้นที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเน้นในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกบุกรุกแผ้วถางป่าและจุดไฟเผาป่า กรณีที่พบการบุกรุกพื้นที่ให้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบุกรุกเพิ่มเติมและจุดไฟเผาป่า รวมทั้งให้เพิ่มการดูแลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นกรณีพิเศษด้วย นอกจากนี้ยังได้ให้หน่วยงานในพื้นที่ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งตำแหน่งและภาพถ่ายของพื้นที่ที่พบการบุกรุกแผ้วถางป่าให้ทราบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้สั่งกำชับ อำเภอ กิ่งอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานอื่นๆ ภายในจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมพื้นที่มิให้มีการบุกรุกแผ้วถางป่าและจุดไฟเผาป่าเพิ่มขึ้นอีก
2.2 กรมควบคุมมลพิษ ยังคงดำเนินการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดส่งข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) วันละ 4 ครั้ง ในช่วงเวลา 09.00 12.00 15.00 และ 18.00 น. พร้อมเผยแพร่ลงในเว็บไซด์ www.pcd.go.th และส่งข้อความแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันผ่านโทรศัพท์มือถือ ไปยังเครือข่ายความร่วมมือการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่ภาคเหนือ จัดทำสรุปสถานการณ์มลพิษหมอกควันรายวันในเวลา 09.00 น. จัดส่งให้กับสื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นประจำ และยังคงติดตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ในบริเวณโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และบริเวณสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
2.3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ประสานงานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ รวมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแขนงต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในการขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด เพื่อป้องกันมิให้เกิดกลุ่มหมอกควันขึ้นอีก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มีนาคม 2550--จบ--
1. สถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควัน
1.1 สถานการณ์ไฟป่าในภาพรวมทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2550 ปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 6,341 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 98,720.50 ไร่ โดยท้องที่ภาคเหนือ มีสถิติไฟไหม้มากที่สุด จำนวน 3,813 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 43,842 ไร่
1.2 จากการตรวจติดตาม Hotspot (จุดที่คาดว่าจะเกิดไฟ) จากดาวเทียม Terra และ Aqua ด้วยระบบ MODIS ช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มีนาคม 2550 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 18 — 19 มีนาคม 2550 เกิด Hotspot จำนวนมากในพื้นที่ประเทศพม่า และลาว ทั้งนี้ในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2550 ตรวจพบ Hotspot จำนวน 267 จุดและมีแนวโน้มลดลงช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และข้อมูลในวันที่ 25 มีนาคม 2550 พบ Hotspot จำนวน 159 จุด สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือมีแนวโน้มของ Hotspot ลดลงเช่นเดียวกันในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และในวันที่ 25 มีนาคม 2550 พบจำนวน 72 จุด
1.3 สถานการณ์ไฟป่าในจังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 18-25 มีนาคม 2550 ปฏิบัติงานดับไฟป่า จำนวน 494 ครั้ง พื้นที่ถูกไฟไหม้ 6,839.50 ไร่ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่ถูกไฟไหม้มากที่สุด จำนวน 2,754 ไร่ รองลงมาได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่ถูกไฟไหม้ จำนวน 1,632 ไร่ และ 710 ไร่ ตามลำดับ
1.4 จากการบินตรวจสอบสถานการณ์ไฟป่า ระหว่างวันที่ 19-22 มีนาคม 2550 พบว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พบไฟไหม้ 17 จุด ดำเนินการดับไฟแล้ว ทั้ง 17 จุด ท้องที่จังหวัดเชียงราย พบไฟไหม้ 1 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อย วันที่ 20 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พบไฟไหม้ 10 จุด ดำเนินการดับไฟแล้วทั้ง 10 จุด ท้องที่จังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงป่าเป้า พบไฟไหม้ 1 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อย วันที่ 21 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบไฟไหม้ 17 จุด ดำเนินการดับไฟแล้วทั้ง 17 จุด และเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2550 ท้องที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบไฟไหม้ 3 จุด ดำเนินการดับไฟเรียบร้อยทั้ง 3 จุด
1.5 สถานการณ์มลพิษหมอกควันภาคเหนือช่วงระหว่างวันที่ 18-25 มีนาคม 2550 (สิ่งที่ส่งมาด้วย 3) ภาพรวมของภาคเหนือ ปริมาณฝุ่นขนาดเล็ก (PM10) ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ เวลา 00.00 น. มีแนวโน้มลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 (มาตรฐานฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน (PM10) เฉลี่ย 24 ชั่วโมง ไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) และกลับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐานในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 ยกเว้นจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ยังคงมีปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเกินเกณฑ์มาตรฐานตลอดเวลา
- จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 18 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 193 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย หลังจากนั้นลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย มีค่าเท่ากับ 166 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
- จังหวัดลำปาง ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 18 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ณ สถานีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง หลังจากนั้นลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2550 เป็นต้นมา และกลับเพิ่มขึ้นจนอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน ในวันที่ 25 มีนาคม 2550 โดยมีค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ มีค่าเท่ากับ129 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
- จังหวัดเชียงราย ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ในวันที่ 19 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 213 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นมีค่าลดลงจนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานช่วงระหว่างวันที่ 20-23 มีนาคม 2550 และกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 143 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
- จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กยังคงอยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุด ตรวจพบในวันที่ 19 มีนาคม 2550 มีค่าเท่ากับ 328 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากนั้นลดลงเล็กน้อยและกลับเพิ่มขึ้นในวันที่ 24-25 มีนาคม 2550 โดยในวันที่ 25 มีนาคม 2550 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าเท่ากับ 222 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินเกณฑ์มาตรฐาน
2. ผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษหมอกควัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนืออย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
2.1 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
1) กำลังสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 580 คน ยังคงปฎิบัติภารกิจการควบคุมไฟป่าในจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือที่มีปัญหาหมอกควันต่อไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ จึงจะถอน กำลังกลับที่ตั้ง ซึ่งขณะนี้มีกำลังพนักงานดับไฟป่าในท้องที่ภาคเหนือ รวมทั้งสิ้น จำนวน 3,248 คน
2) สั่งการให้กำลังพลจากส่วนป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า จำนวน 300 คน เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจลาดตระเวนและจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดสำหรับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า
3) รณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันไฟป่าทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วม ผ่านสื่อมวลชนทุกแขนง เช่น วิทยุ โทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ จัดทำข้อความด้วยอักษรตัววิ่งผ่านทางโทรทัศน์ทุกช่อง
4) จัดตั้ง War Room ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันอย่างใกล้ชิด
5) พยากรณ์สถานการณ์ไฟป่า เพื่อแจ้งเตือนภัยไฟป่าล่วงหน้าต่อสาธารณชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่าน Website : www.dnp.go.th /forestfire/
6) รับแจ้งเหตุไฟไหม้ป่าผ่านสายด่วน 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1มีนาคม 2550 ถึงวันที่ 21 มีนาคม 2550 มีผู้แจ้งเหตุไฟไหม้ป่าจำนวน 193 ครั้ง
7) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจลาดตระเวนในพื้นที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยเน้นในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกบุกรุกแผ้วถางป่าและจุดไฟเผาป่า กรณีที่พบการบุกรุกพื้นที่ให้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบุกรุกเพิ่มเติมและจุดไฟเผาป่า รวมทั้งให้เพิ่มการดูแลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นกรณีพิเศษด้วย นอกจากนี้ยังได้ให้หน่วยงานในพื้นที่ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งตำแหน่งและภาพถ่ายของพื้นที่ที่พบการบุกรุกแผ้วถางป่าให้ทราบ พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้สั่งกำชับ อำเภอ กิ่งอำเภอ องค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานอื่นๆ ภายในจังหวัดที่เกี่ยวข้อง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมพื้นที่มิให้มีการบุกรุกแผ้วถางป่าและจุดไฟเผาป่าเพิ่มขึ้นอีก
2.2 กรมควบคุมมลพิษ ยังคงดำเนินการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยจัดส่งข้อมูลปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM10) และดัชนีคุณภาพอากาศไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) วันละ 4 ครั้ง ในช่วงเวลา 09.00 12.00 15.00 และ 18.00 น. พร้อมเผยแพร่ลงในเว็บไซด์ www.pcd.go.th และส่งข้อความแจ้งเตือนสถานการณ์มลพิษหมอกควันผ่านโทรศัพท์มือถือ ไปยังเครือข่ายความร่วมมือการแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่ภาคเหนือ จัดทำสรุปสถานการณ์มลพิษหมอกควันรายวันในเวลา 09.00 น. จัดส่งให้กับสื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นประจำ และยังคงติดตั้งหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศเคลื่อนที่ในบริเวณโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และบริเวณสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
2.3 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์มลพิษหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ประสานงานขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ รวมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแขนงต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในการขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่งทุกชนิด เพื่อป้องกันมิให้เกิดกลุ่มหมอกควันขึ้นอีก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มีนาคม 2550--จบ--