แท็ก
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
กระทรวงการคลัง
สุขภัณฑ์กะรัต
เจริญโภคภัณฑ์
คิง พาวเวอร์
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีพิจารณาการยุบเลิกทุนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบยุติการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ในปีการศึกษา 2550 และให้ดำเนินการยุบเลิก กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่า และให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เร่งรัดจัดสรรเงินให้แก่สถานศึกษาเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา สามารถกู้ยืมได้โดยเร็วต่อไป
2. มาตรการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้กู้ กรอ. ดังนี้
2.1 ผู้กู้ยืม กรอ. ที่มีคุณสมบัติการกู้ยืมตามประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และคุณสมบัติผู้กู้ยืมเงิน ให้สามารถกู้ยืมแบบ กยศ. ได้ โดยให้กู้ยืมได้ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาและค่าครองชีพ สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ย การชำระเงินกู้ยืม รวมทั้งการติดตามหนี้ให้เป็นไปตามแบบ กยศ.
2.2 ผู้กู้ยืม กรอ. ที่ไม่มีคุณสมบัติในการกู้ยืมแบบ กยศ. เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เห็นควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้กู้ยืมได้เป็นกรณีพิเศษ โดยนำหลักเกณฑ์และวิธีการกู้ยืมเงินแบบ กยศ. มาใช้โดยอนุโลม และให้กู้ยืมโดยเฉพาะค่าเล่าเรียนจนจบหลักสูตรตามขอบเขตการให้กู้ยืมเงินของ กยศ. สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืนให้เป็นไปตามแบบ กยศ. และให้สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาทำหน้าที่จัดการด้านการรับชำระหนี้เงินกู้
กระทรวงการคลังรายงานว่าสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (17 ตุลาคม 2549) ได้มีการทบทวนนโยบายในเรื่องกองทุนเงินให้เปล่า และ กรอ. ซึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 กองทุนเงินให้เปล่าไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แต่อย่างใด ในขณะที่ กรอ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการให้กู้ยืมแก่นักศึกษาเฉพาะสำหรับภาคการศึกษาที่ 2/2549 เท่านั้น โดยในปีการศึกษา 2550 สำหรับผู้กู้ กรอ. เดิมจำนวน 322,510 คน สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้กู้ยืมไว้แล้ว โดยรวมอยู่ในรายการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมทั้งได้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี (12 ธันวาคม 2549) ให้นักเรียนระดับมัยธมศึกษาตอนปลายและนักศึกษาระดับอุดมศึกษาสามารถกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนั้น กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่า จึงหมดความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนอีกต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--
1. เห็นชอบยุติการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ในปีการศึกษา 2550 และให้ดำเนินการยุบเลิก กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่า และให้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เร่งรัดจัดสรรเงินให้แก่สถานศึกษาเพื่อให้นักเรียน นักศึกษา สามารถกู้ยืมได้โดยเร็วต่อไป
2. มาตรการให้ความช่วยเหลือสำหรับผู้กู้ กรอ. ดังนี้
2.1 ผู้กู้ยืม กรอ. ที่มีคุณสมบัติการกู้ยืมตามประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เรื่อง หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และคุณสมบัติผู้กู้ยืมเงิน ให้สามารถกู้ยืมแบบ กยศ. ได้ โดยให้กู้ยืมได้ทั้งค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาและค่าครองชีพ สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ย การชำระเงินกู้ยืม รวมทั้งการติดตามหนี้ให้เป็นไปตามแบบ กยศ.
2.2 ผู้กู้ยืม กรอ. ที่ไม่มีคุณสมบัติในการกู้ยืมแบบ กยศ. เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เห็นควรดำเนินการให้ความช่วยเหลือให้กู้ยืมได้เป็นกรณีพิเศษ โดยนำหลักเกณฑ์และวิธีการกู้ยืมเงินแบบ กยศ. มาใช้โดยอนุโลม และให้กู้ยืมโดยเฉพาะค่าเล่าเรียนจนจบหลักสูตรตามขอบเขตการให้กู้ยืมเงินของ กยศ. สำหรับการคิดอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืนให้เป็นไปตามแบบ กยศ. และให้สำนักงานกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาทำหน้าที่จัดการด้านการรับชำระหนี้เงินกู้
กระทรวงการคลังรายงานว่าสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (17 ตุลาคม 2549) ได้มีการทบทวนนโยบายในเรื่องกองทุนเงินให้เปล่า และ กรอ. ซึ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 กองทุนเงินให้เปล่าไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้แต่อย่างใด ในขณะที่ กรอ. ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการให้กู้ยืมแก่นักศึกษาเฉพาะสำหรับภาคการศึกษาที่ 2/2549 เท่านั้น โดยในปีการศึกษา 2550 สำหรับผู้กู้ กรอ. เดิมจำนวน 322,510 คน สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเพื่อให้กู้ยืมไว้แล้ว โดยรวมอยู่ในรายการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมทั้งได้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรี (12 ธันวาคม 2549) ให้นักเรียนระดับมัยธมศึกษาตอนปลายและนักศึกษาระดับอุดมศึกษาสามารถกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนั้น กรอ. และกองทุนเงินให้เปล่า จึงหมดความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนอีกต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--