คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งและดำเนินการของ Center of Excellence Network Project for the Asia and Pacific Region ในสาขา Business Management ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ทก.) เสนอ และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) ได้จัดส่งร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ในการจัดตั้งและดำเนินการของ Center of Excellence Network Project for the Asia Pacific Region ในสาขา Business Management ให้ ทก. ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของประเทศคู่สัญญา
- กำหนดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในการเป็น Lead Node และ / หรือการเป็น Partners ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ประเทศคู่สัญญาจะต้องจัดหาพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพยากรอื่น ๆ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญในโครงการ
- ITU จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญสำหรับช่วง 1 ปี 6 เดือนแรก หลังจากนั้น Center of Excellence : CoE จะต้องจัดหาเงินทุนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ITU กำหนดเริ่มดำเนินโครงการนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2550
- ประเทศคู่สัญญาจะต้องจัดหา training partners ที่เหมาะสมกับความต้องการของภูมิภาค โดยหารือร่วมกับ ITU สำนักงานภูมิภาค ฯ ทั้งนี้ แต่ละสาขา (Node) ควรจะมี training partner หลักอย่างน้อย 1 ประเทศ
- การดำเนินงานของ CoE จะเป็นไปตามที่คณะกรรมการกำกับดูแล (Steering Committee) ได้ตัดสินใจ เช่น เนื้อหาหลักสูตร ค่าธรรมเนียมหลักสูตร และการจัดสรรทรัพยากรไปยังสาขาอื่น ๆ และสำนักงาน ASP-CoE
2. บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของ ITU
- ITU จะเข้าร่วมเป็น partner ในโครงการ ฯ โดย ITU จะจัดหาเงินตั้งต้น (Seed Funds) สำหรับผู้ประสานงาน ผู้เชี่ยวชาญ และทุน สำหรับช่วง 1 ปี 6 เดือน
- ITU จะเป็นผู้ประสานงานและจัดการเครือข่ายของ Asia-Pacific Center of Excellence : ASP - CoE ทั้งหมด รวมทั้งทุก Node และเป็นผู้เชิญผู้เข้ารับการอบรมจากประเทศสมาชิกและสมาชิกภาคของ ITU
- ITU จะทำหน้าที่ควบคุมดูแลและประเมินผลการดำเนินงานของโครงการตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลให้ความเห็นชอบ
3. เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน : ประเทศคู่สัญญาจะต้องให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันรวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ ITU และเจ้าหน้าที่ตามสิทธิที่ได้ระบุไว้ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันขององค์การชำนัญพิเศษ (Convention on the Privileges and Immunities of the Specialized Agencies) ปี ค.ศ. 1947 หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศอื่น ๆ และกฎหมายภายในที่ใช้กับ ITU
4. การแก้ไข : MoU นี้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะต้องแก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องได้รับการยินยอมและลงนามของทั้งสองฝ่าย
5. การบังคับใช้ การถอดถอน และการสิ้นสุด : MoU นี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ได้มีการลงนามกันทุกฝ่าย จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรขอให้สิ้นสุดโครงการ โดยจะมีผลหลัง 60 วัน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งขอสิ้นสุดโครงการ
6. ผู้ลงนามความตกลง : ผู้ลงนามฝ่าย ITU คือ เลขาธิการ ITU สำหรับฝ่ายไทย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 กรกฎาคม 2550--จบ--
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานว่า สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) ได้จัดส่งร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) ในการจัดตั้งและดำเนินการของ Center of Excellence Network Project for the Asia Pacific Region ในสาขา Business Management ให้ ทก. ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของประเทศคู่สัญญา
- กำหนดบทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบในการเป็น Lead Node และ / หรือการเป็น Partners ในสาขาที่เกี่ยวข้อง ประเทศคู่สัญญาจะต้องจัดหาพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวกและทรัพยากรอื่น ๆ รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญในโครงการ
- ITU จะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้เชี่ยวชาญสำหรับช่วง 1 ปี 6 เดือนแรก หลังจากนั้น Center of Excellence : CoE จะต้องจัดหาเงินทุนด้วยตนเอง ทั้งนี้ ITU กำหนดเริ่มดำเนินโครงการนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2550
- ประเทศคู่สัญญาจะต้องจัดหา training partners ที่เหมาะสมกับความต้องการของภูมิภาค โดยหารือร่วมกับ ITU สำนักงานภูมิภาค ฯ ทั้งนี้ แต่ละสาขา (Node) ควรจะมี training partner หลักอย่างน้อย 1 ประเทศ
- การดำเนินงานของ CoE จะเป็นไปตามที่คณะกรรมการกำกับดูแล (Steering Committee) ได้ตัดสินใจ เช่น เนื้อหาหลักสูตร ค่าธรรมเนียมหลักสูตร และการจัดสรรทรัพยากรไปยังสาขาอื่น ๆ และสำนักงาน ASP-CoE
2. บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบของ ITU
- ITU จะเข้าร่วมเป็น partner ในโครงการ ฯ โดย ITU จะจัดหาเงินตั้งต้น (Seed Funds) สำหรับผู้ประสานงาน ผู้เชี่ยวชาญ และทุน สำหรับช่วง 1 ปี 6 เดือน
- ITU จะเป็นผู้ประสานงานและจัดการเครือข่ายของ Asia-Pacific Center of Excellence : ASP - CoE ทั้งหมด รวมทั้งทุก Node และเป็นผู้เชิญผู้เข้ารับการอบรมจากประเทศสมาชิกและสมาชิกภาคของ ITU
- ITU จะทำหน้าที่ควบคุมดูแลและประเมินผลการดำเนินงานของโครงการตามที่คณะกรรมการกำกับดูแลให้ความเห็นชอบ
3. เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน : ประเทศคู่สัญญาจะต้องให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันรวมทั้งอำนวยความสะดวกแก่ ITU และเจ้าหน้าที่ตามสิทธิที่ได้ระบุไว้ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันขององค์การชำนัญพิเศษ (Convention on the Privileges and Immunities of the Specialized Agencies) ปี ค.ศ. 1947 หรืออนุสัญญาระหว่างประเทศอื่น ๆ และกฎหมายภายในที่ใช้กับ ITU
4. การแก้ไข : MoU นี้สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจะต้องแก้ไขเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องได้รับการยินยอมและลงนามของทั้งสองฝ่าย
5. การบังคับใช้ การถอดถอน และการสิ้นสุด : MoU นี้ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ได้มีการลงนามกันทุกฝ่าย จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรขอให้สิ้นสุดโครงการ โดยจะมีผลหลัง 60 วัน นับจากวันที่ได้รับการแจ้งขอสิ้นสุดโครงการ
6. ผู้ลงนามความตกลง : ผู้ลงนามฝ่าย ITU คือ เลขาธิการ ITU สำหรับฝ่ายไทย คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 กรกฎาคม 2550--จบ--