คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้ง 4 ข้อ ดังนี้
(1) เห็นชอบพิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล
(2) เห็นชอบพิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ พร้อมทั้งแผนงานการรวมกลุ่มสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน ซึ่งจะผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ และพิธีสารว่าด้วยการแก้ไขข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข)
(3) อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเกริกไกร จีระแพทย์) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามในพิธีสารตามข้อ (1) และข้อ (2)
ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารดังกล่าว ขอให้คณะรัฐมนตรีมอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
(4) มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเกริกไกร จีระแพทย์) ลงนามพิธีสารตามข้อ (1) และ ข้อ (2) และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล มีสาระสำคัญได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกที่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถลดภาษีข้าวและน้ำตาล ซึ่งมีความอ่อนไหวสูงทางการเมือง มีสิทธิยื่นคำร้องขอละเว้นไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีอาฟต้าได้ชั่วคราว โดยไม่ต้องชดเชยผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินให้แก่ประเทศสมาชิกผู้ส่งออกสำคัญ แต่ให้ขยายความร่วมมือหรือร่วมลงทุนกันเพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกผู้ส่งออกเข้าสู่ตลาดได้เป็นการทดแทน ทั้งนี้ ให้คณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) พิจารณาทบทวนคำร้องนั้นทุก ๆ ปี และจะระงับการอนุญาตเสียก็ได้ หากเห็นว่าเหตุอันจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกได้เห็นชอบร่างสุดท้ายของพิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาลร่วมกัน โดยจะเสนอให้ AEM พิจารณาลงนามในการประชุมครั้งที่ 39 ในช่วงวันที่ 24-25 สิงหาคม 2550 ณ ประเทศฟิลิปปินส์
พิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ และพิธีสารว่าด้วยการแก้ไข ข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข) มีสาระสำคัญดังนี้
1. เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (SEOM) ได้เจรจาจัดทำแผนงานการรวมกลุ่มสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย การกำหนดให้สมาชิกเจรจาเปิดเสรีบริการโลจิสติกส์ให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2556 การส่งเสริมให้มีการแข่งขันของผู้ให้บริการสาขาโลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกในบริการสาขาโลจิสติกส์ การเพิ่มศักยภาพของผู้ให้บริการสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการขยายโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในบริการการขนส่งหลายรูปแบบ
2. เพื่อให้แผนงานข้างต้นมีผลบังคับใช้ จึงจัดทำพิธีสารเพื่อให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามรับรอง ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ โดยนำแผนงานใน ข้อ 1 มาผนวกแนบท้าย
3. กรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข) กำหนดกรอบระยะเวลาในการเปิดเสรีบริการสาขาสำคัญ 11 สาขาเดิมไว้ภายใน พ.ศ. 2553 แต่เนื่องจากสาขาโลจิสติกส์ได้ถูกเพิ่มเติมภายหลัง อาเซียนจึงได้กำหนดกรอบระยะเวลาการเปิดเสรีสาขาโลจิสติกส์ช้ากว่าสาขาสำคัญอื่น โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้น จึงต้องมีพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบระยะเวลาดังกล่าว ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยการแก้ไขข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--
(1) เห็นชอบพิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล
(2) เห็นชอบพิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ พร้อมทั้งแผนงานการรวมกลุ่มสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน ซึ่งจะผนวกแนบท้ายพิธีสารฯ และพิธีสารว่าด้วยการแก้ไขข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข)
(3) อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเกริกไกร จีระแพทย์) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามในพิธีสารตามข้อ (1) และข้อ (2)
ทั้งนี้ หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารดังกล่าว ขอให้คณะรัฐมนตรีมอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
(4) มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายเกริกไกร จีระแพทย์) ลงนามพิธีสารตามข้อ (1) และ ข้อ (2) และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
พิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาล มีสาระสำคัญได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกที่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถลดภาษีข้าวและน้ำตาล ซึ่งมีความอ่อนไหวสูงทางการเมือง มีสิทธิยื่นคำร้องขอละเว้นไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีอาฟต้าได้ชั่วคราว โดยไม่ต้องชดเชยผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินให้แก่ประเทศสมาชิกผู้ส่งออกสำคัญ แต่ให้ขยายความร่วมมือหรือร่วมลงทุนกันเพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกผู้ส่งออกเข้าสู่ตลาดได้เป็นการทดแทน ทั้งนี้ ให้คณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) พิจารณาทบทวนคำร้องนั้นทุก ๆ ปี และจะระงับการอนุญาตเสียก็ได้ หากเห็นว่าเหตุอันจำเป็นนั้นสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกได้เห็นชอบร่างสุดท้ายของพิธีสารว่าด้วยการพิจารณาเป็นพิเศษสำหรับสินค้าข้าวและน้ำตาลร่วมกัน โดยจะเสนอให้ AEM พิจารณาลงนามในการประชุมครั้งที่ 39 ในช่วงวันที่ 24-25 สิงหาคม 2550 ณ ประเทศฟิลิปปินส์
พิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ และพิธีสารว่าด้วยการแก้ไข ข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข) มีสาระสำคัญดังนี้
1. เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจของอาเซียน (SEOM) ได้เจรจาจัดทำแผนงานการรวมกลุ่มสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย การกำหนดให้สมาชิกเจรจาเปิดเสรีบริการโลจิสติกส์ให้เสร็จสิ้นภายในปี พ.ศ. 2556 การส่งเสริมให้มีการแข่งขันของผู้ให้บริการสาขาโลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกในบริการสาขาโลจิสติกส์ การเพิ่มศักยภาพของผู้ให้บริการสาขาโลจิสติกส์ของอาเซียน การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการขยายโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในบริการการขนส่งหลายรูปแบบ
2. เพื่อให้แผนงานข้างต้นมีผลบังคับใช้ จึงจัดทำพิธีสารเพื่อให้รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนลงนามรับรอง ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยการรวมกลุ่มรายสาขาของอาเซียนสำหรับบริการสาขาโลจิสติกส์ โดยนำแผนงานใน ข้อ 1 มาผนวกแนบท้าย
3. กรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข) กำหนดกรอบระยะเวลาในการเปิดเสรีบริการสาขาสำคัญ 11 สาขาเดิมไว้ภายใน พ.ศ. 2553 แต่เนื่องจากสาขาโลจิสติกส์ได้ถูกเพิ่มเติมภายหลัง อาเซียนจึงได้กำหนดกรอบระยะเวลาการเปิดเสรีสาขาโลจิสติกส์ช้ากว่าสาขาสำคัญอื่น โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2556 ดังนั้น จึงต้องมีพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบระยะเวลาดังกล่าว ได้แก่ พิธีสารว่าด้วยการแก้ไขข้อ 3 ของกรอบความตกลงว่าด้วยการรวมกลุ่มสาขาสำคัญของอาเซียน (ฉบับแก้ไข)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--