การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 10 เดือนของปี 2553 (มกราคม — ตุลาคม)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 8, 2010 16:35 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 10 เดือนของปี 2553 (มกราคม — ตุลาคม) ของกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนตุลาคม 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 17,132.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มที่ชะลอตัวลงจากปัญหาการแข็งค่าของเงินบาท และแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจในตลาดส่งออกสำคัญในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 522,374.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ส่วนใหญ่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณส่งออกลดลง ได้แก่ ยางพารา สินค้าอาหาร ประเภทอาหารทะเล กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ผัก ผลไม้ เนื่องจากผลผลิตในประเทศลดลงและราคาส่งออกสูงขึ้น ขณะที่ ข้าวและ ไก่แช่แข็งและแปรรูปส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ส่วนมันสำปะหลังและ น้ำตาล ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจาก ผลผลิตในประเทศลดลงและความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ สินค้าส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง นาฬิกา เครื่องกีฬาและเครื่องเล่นเกมส์ รวมทั้ง อัญมณีที่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40.2 เนื่องจากการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 63.3 ขณะที่อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2
  • สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง ลดลงร้อยละ 19.1 เป็นการลดลงของการส่งออกโครงก่อสร้างทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้าไปออสเตรเลียที่ลดลงถึงร้อยละ 98.0

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดศักยภาพสูงที่ยังขยายตัวในอัตราสูง ขณะที่ตลาดหลักและ ตลาดศักยภาพระดับรอง มีแนวโน้มชะลอตัว

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกตลาด ร้อยละ 11.1 โดยญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.2 ส่วนสหภาพยุโรปและสหรัฐฯชะลอตัวลง เล็กน้อย

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ร้อยละ 19.4 โดยจีน และฮ่องกงขยายตัวในอัตราสูงถึงร้อยละ 27.0 และ 32.6 ตามลำดับ ขณะที่อาเซียน(5) อินโดจีนและพม่า และอินเดียชะลอตัวลง

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มชะลอตัวลงโดยขยายตัวเพียงร้อยละ 8.3 เนื่องจากการส่งออกไปทวีปออสเตรเลียยังลดลงต่อเนื่องร้อยละ 9.8 ขณะที่การส่งออกไปรัสเซียและ CIS และลาตินอเมริกายังขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 103.7 และ 42.0 ตามลำดับ

1.2 การส่งออกในระยะ 10 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ต.ค.)

1.2.1 การส่งออก มีมูลค่า 160,277.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.2 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 5,136,223.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.7

1.2.2 สินค้าส่งออก เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ดังนี้ สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.0 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.1 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.0

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป ขณะที่ ผักและผลไม้ และ น้ำตาลมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก ผลผลิตในประเทศลดลงและความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น ยกเว้น ข้าว ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 4.6 และ 3.3 ตามลำดับ จากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท แต่การส่งออกก็มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ ยกเว้นทองคำ

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เลนส์ นาฬิกา และ อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25.0 (การส่งออกอัญมณีเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 และการส่งออกทองคำลดลงร้อยละ 1.3)

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 24.3 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.4 , 22.4 และ 20.4 ตามลำดับ

(2) ตลาดศักยภาพสูง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 38.0 และเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูงในทุกตลาด ทั้งอาเซียน(5) จีน อินโดจีนและพม่า ฮ่องกง และ อินเดีย

(3) ตลาดศักยภาพระดับรอง ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องร้อยละ 19.9 เป็นการขยายตัวในทุกตลาด โดยเฉพาะ ลาตินอเมริกา และ รัสเซียและ CIS ที่ขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่อง ขณะที่ทวีปออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและแอฟริกาขยายตัวในอัตราที่ไม่สูงมากนัก

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนตุลาคม 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 14,810.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 457,211.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเกือบทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้าลดลงร้อยละ 10.4 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ มีมูลค่า 1,523.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 21.6 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 20.73 ล้านบาร์เรล (668,809 บาร์เรลต่อวัน) ลดลงร้อยละ 23.9

(2) สินค้าทุน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มขยายตัว และการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ประกอบกับเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้ราคาสินค้าถูกลง จูงใจให้ผู้ประกอบการซื้อสินค้าในหมวดนี้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเครื่องจักรกลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและขยายการผลิต การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.9

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.3 สอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าถูกลงจากค่าเงินบาทแข็งค่าจูงใจให้มีการซื้อเพิ่ม ขึ้น สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.1 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้า มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 เคมีภัณฑ์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.0 ทองคำ นำเข้า ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 160.6 เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเงินบาทแข็งค่า

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 เนื่องจากราคาสินค้าที่นำเข้าถูกลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.8 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4 การนำเข้าสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 รถยนต์นั่ง นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.9 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.7

2.2 การนำเข้าในระยะ 10 เดือนของปี 2553 (ม.ค.-ต.ค.)

2.2.1 การนำเข้า นำเข้ามูลค่า 148,810.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.8 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 4,828,858.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.8

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้าดังนี้ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.9 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.3 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.1

3. ดุลการค้า

เดือนตุลาคม 2553 ไทยเกินดุลมูลค่า 2,321.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดในรูปเงินบาทเกินดุลมูลค่า 65,163.8 ล้านบาท ส่งผลให้ในระยะ 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ไทยเกินดุลการค้าสะสมมูลค่า 11,1467.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 307,365.4 ล้านบาท

4. เปรียบเทียบอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยกับประเทศคู่แข่ง ปี 2553

                    มค. 53   กพ. 53   มีค. 53   เมย. 53   พค.53  มิย.53  กค.53   สค.53   กย.53   ตค.53
          ไทย         30.8     23.1     40.9      35.2    42.1   46.3   20.6    23.9    21.2    15.7
          จีน          21.0     45.7     24.2      30.4    48.4   43.9   38.0    34.3    25.1    22.8
          ไต้หวัน       75.8     32.6     50.1      47.8    57.9   34.1   38.5    26.6    17.5    21.9
          เกาหลีใต้     45.8     30.3     34.3      29.8    40.5   30.2   27.5    27.7    16.5    29.9
          เวียดนาม     34.8    -25.6      5.3      24.6    43.0   33.4   25.5    51.6    34.2    24.4
          สิงคโปร์      37.0     19.2     29.3      30.0    29.0   28.3   16.6    25.5    18.8    19.6
          มาเลเซีย     37.0     18.4     36.4      26.6    21.9   17.2   13.5    10.6     6.9      Na
          ฟิลิปปินส์      42.4     42.5     43.7      28.2    37.3   33.7   35.9    36.6    46.1      Na

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 ธันวาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ