แท็ก
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล
ร่างพระราชบัญญัติ
กรมการขนส่งทางบก
กระทรวงสาธารณสุข
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้กองอนามัยเจริญพันธุ์ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขาของคณะกรรมการคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พร้อมทั้งให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่า ตามที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ซึ่งได้วางหลักการคุ้มครองสุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและระบบการเจริญพันธุ์ไว้ในมาตรา 6 แต่ยังไม่มีบทบัญญัติรองรับในทางปฏิบัติประกอบกับสภาพปัญหาด้านอนามัยเจริญพันธุ์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ มะเร็งของระบบสืบพันธุ์ ปัญหาสุขภาพวัยทองและวัยสูงอายุและอื่น ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่มีความเชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม นั้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการเชิงนโยบาย แผนงานหลัก และการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างทั่วถึง (ร่างมาตรา 6)
2. กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ โดยให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการด้านต่างๆ ได้ (ร่างมาตรา 9 ร่างมาตรา 13 และร่างมาตรา 16)
3. กำหนดให้มีสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการในกรมอนามัย มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานธุรการของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 18)
4. กำหนดให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารด้านอนามัยการเจริญพันธุ์และเพศศึกษาที่ถูกต้องเหมาะสมและกำหนดให้รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน การจัดการเรียนการสอน เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร การผลิตและพัฒนาครู ฯลฯ (ร่างมาตรา 19 ถึง ร่างมาตรา 23)
5. กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีสุขภาพทางเพศที่ดีอย่างทั่วถึง สามารถเข้าถึงบริการและได้รับการปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศที่หลากหลายและมีลักษณะเฉพาะที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้มีความพร้อมในการให้บริการและการปรึกษาด้านการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดอย่างทั่วถึง ฯลฯ (ร่างมาตรา 24 ถึงร่างมาตรา 31)
6. รับรองสิทธิของหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ให้ได้รับบริการทางการแพทย์ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ในระหว่างตั้งครรภ์ ระยะคลอดและระยะหลังคลอด และการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา โดยให้สามีได้มีส่วนร่วม ให้การคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ให้ทำงานที่เหมาะสม และหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือหญิงตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หรือหญิงที่ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ หรือหญิงตั้งครรภ์ที่ถูกคุมขัง ฯลฯ (ร่างมาตรา 33 ถึงร่างมาตรา 39)
7.กำหนดให้รัฐต้องมีมาตรการส่งเสริมให้ครอบครัวเข้มแข็งได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการครองเรือน การดูแลบุตรทุกวัย ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัยทองและผู้สูงอายุแก่ประชาชน จัดบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานภายใต้ระบบสวัสดิการ ด้านสุขภาพ ส่งเสริมการศึกษา ค้นคว้า วิจัยด้านเทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์และเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ฯลฯ (ร่างมาตรา 40 ถึงร่างมาตรา 51)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 กรกฎาคม 2550--จบ--
กระทรวงสาธารณสุขเสนอว่า ตามที่ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ซึ่งได้วางหลักการคุ้มครองสุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและระบบการเจริญพันธุ์ไว้ในมาตรา 6 แต่ยังไม่มีบทบัญญัติรองรับในทางปฏิบัติประกอบกับสภาพปัญหาด้านอนามัยเจริญพันธุ์ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย การตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ มะเร็งของระบบสืบพันธุ์ ปัญหาสุขภาพวัยทองและวัยสูงอายุและอื่น ๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่มีความเชื่อมโยงกับมิติทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรม นั้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการเชิงนโยบาย แผนงานหลัก และการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง และสอดคล้องกับพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้บริการด้านอนามัยการเจริญพันธุ์อย่างทั่วถึง (ร่างมาตรา 6)
2. กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองอนามัยการเจริญพันธุ์ มีอำนาจหน้าที่เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ โดยให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการด้านต่างๆ ได้ (ร่างมาตรา 9 ร่างมาตรา 13 และร่างมาตรา 16)
3. กำหนดให้มีสำนักงานเลขานุการของคณะกรรมการในกรมอนามัย มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติงานธุรการของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 18)
4. กำหนดให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารด้านอนามัยการเจริญพันธุ์และเพศศึกษาที่ถูกต้องเหมาะสมและกำหนดให้รัฐต้องส่งเสริม สนับสนุน การจัดการเรียนการสอน เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร การผลิตและพัฒนาครู ฯลฯ (ร่างมาตรา 19 ถึง ร่างมาตรา 23)
5. กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนมีสุขภาพทางเพศที่ดีอย่างทั่วถึง สามารถเข้าถึงบริการและได้รับการปรึกษาด้านสุขภาพทางเพศที่หลากหลายและมีลักษณะเฉพาะที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ส่งเสริมและสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้มีความพร้อมในการให้บริการและการปรึกษาด้านการวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดอย่างทั่วถึง ฯลฯ (ร่างมาตรา 24 ถึงร่างมาตรา 31)
6. รับรองสิทธิของหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ให้ได้รับบริการทางการแพทย์ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ในระหว่างตั้งครรภ์ ระยะคลอดและระยะหลังคลอด และการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา โดยให้สามีได้มีส่วนร่วม ให้การคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ให้ทำงานที่เหมาะสม และหญิงที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือหญิงตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม หรือหญิงที่ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ หรือหญิงตั้งครรภ์ที่ถูกคุมขัง ฯลฯ (ร่างมาตรา 33 ถึงร่างมาตรา 39)
7.กำหนดให้รัฐต้องมีมาตรการส่งเสริมให้ครอบครัวเข้มแข็งได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการครองเรือน การดูแลบุตรทุกวัย ให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับวัยทองและผู้สูงอายุแก่ประชาชน จัดบริการที่มีคุณภาพมาตรฐานภายใต้ระบบสวัสดิการ ด้านสุขภาพ ส่งเสริมการศึกษา ค้นคว้า วิจัยด้านเทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์และเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ฯลฯ (ร่างมาตรา 40 ถึงร่างมาตรา 51)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 กรกฎาคม 2550--จบ--