คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์อุทกภัย ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ข้อมูล ณ วันที่ 13 ธันวาคม 2553) ของกระทรวงมหาดไทย สรุปได้ดังนี้
สาระสำคัญของเรื่อง
สรุปสถานการณ์อุทกภัย เนื่องจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และพายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง (ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม - 13 ธันวาคม 2553)
1. การคาดหมายลักษณะอากาศ (ระหว่างวันที่ 13 - 18 ธ.ค. 2553)
1.1 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่า ในช่วงวันที่ 13-14 ธันวาคม 2553 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนในวันที่ 13 ธันวาคม 2553 ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น
ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ธันวาคม 2553 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศา กับมีลมแรง โดยเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงจะพัดเข้ามาปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ในช่วงวันที่ 16-18 ธันวาคม 2553 ทำให้ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ประชาชนในภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไประมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ
1.2 กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันต่อเหตุการณ์
2. สถานการณ์อุทกภัย
2.1 สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 10 ต.ค. - 13 ธ.ค. 2553 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคใต้ตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก รวม 39 จังหวัด 425 อำเภอ 3,098 ตำบล 26,226 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 180 ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,002,961 ครัวเรือน 7,038,248 คน พื้นที่การเกษตรที่คาดว่าจะเสียหายประมาณ 7,784,368 ไร่
ปัจจุบันทุกจังหวัดสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู
2.2 สถานการณ์อุทกภัยระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 13 ธ.ค. 2553 อันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นบริเวณอ่าวไทยตอนล่างเคลื่อนผ่านภาคใต้
มีจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในภาคใต้ รวม 12 จังหวัด 133 อำเภอ 874 ตำบล 6,197 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 78 ราย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 609,511 ครัวเรือน 1,932,405 คน ซึ่งสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู 11 จังหวัด
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยทั้งสิ้น 1 จังหวัด 5 อำเภอ 17 ตำบล 51 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 29,092 ครัวเรือน 93,226 คน ได้แก่ จังหวัดพัทลุง
2.3 การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน
2.3.1 จังหวัดที่ประสบภัย ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อปพร. อส. อาสาสมัคร มูลนิธิ องค์กรเอกชน ภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว และจะได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ จากเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท) ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ โดยเร่งด่วนต่อไป
2.3.2 การแจกจ่ายน้ำดื่มแก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยและให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ร่วมกับ การประปาส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง กองบัญชาการกองทัพไทย จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดหาน้ำดื่มสะอาดมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งขณะนี้มีรายงานผลการแจกจ่ายน้ำ จำนวน 13 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยนาท นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สุรินทร์ และจังหวัดอุบลราชธานี รวม จำนวน 7,958,851 ลิตร
3. สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
3.1 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระราชทรัพย์เป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท ให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการจัดหาน้ำดื่มและของใช้ที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ดังนี้
1) จัดหาไฟฉาย จำนวน 45,100 กระบอก นำไปแจกจ่ายราษฎรผู้ประสบภัยใน พื้นที่จังหวัดในศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1,11,12,13 และเขต 16
2) จัดหาน้ำดื่มสะอาด ขนาด 500 มิลลิลิตร และ 750 มิลลิลิตร จำนวน 350,600 ขวด นำไปแจกจ่ายราษฎรผู้ประสบภัยในจังหวัดภาคใต้ ในพื้นที่รับผิดชอบของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11,12
3.2 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อน จึงได้พระราชทานถุงยังชีพให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผู้แทนพระองค์เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรในเบื้องต้น รวม จำนวน 94,850 ครอบครัว
3.3 สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย มอบชุดธารน้ำใจพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 130,622 ชุด น้ำดื่ม 11,014,320 ชุดผ้าห่ม 2,200 ผืน เสื้อกันหนาว 2,000 ตัว แก๊สหุงต้ม 1,050 ชุด หม้อเมเยอร์ 1,000 ใบ รถผลิตน้ำดื่ม 3 คัน หน่วยครัวเคลื่อนที่สภากาชาดไทย และเรือท้องแบน 7 ลำ
3.4 กองงานพระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้ ผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบถุงพระราชทานในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 21,250 ชุด นมเม็ดจิตรลดา 700 ลัง และส้วมสำเร็จรูป 600 ชุด
3.5 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ) และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โปรดให้ผู้แทนพระองค์เดินทางไปมอบถุงประทานแก่ราษฎร ในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวม จำนวน 17,102 ถุง และอาหารกล่อง จำนวน 3,500 กล่อง
3.6 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) และคณะ นำถุงยังชีพพระราชทานไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพชรบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวม จำนวน 1,500 ชุด
สรุปสถานการณ์ภัยหนาว และการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน - 13 ธันวาคม 2553)
1. การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวของกระทรวงมหาดไทย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว ปี พ.ศ. 2553 - 2554 ของจังหวัดขึ้น ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ อำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในเขตพื้นที่ พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะอากาศหนาวเย็นที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว ณ กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย และที่จังหวัดทุกจังหวัดด้วย
2. สถานการณ์ภัยหนาว (ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. - 13 ธ.ค. 2553)
ในขณะนี้ได้รับรายงานจังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาว (อุณหภูมิ 8.0 - 15.9 องศาเซลเซียส) ถึงหนาวจัด (อุณหภูมิต่ำกว่า 8.0 องศาเซลเซียส) จำนวน 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา เพชรบูรณ์ แพร่ ตาก น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน ขอนแก่น นครพนม เลย สกลนคร หนองคาย และจังหวัดอุดรธานี รวม 197 อำเภอ 1,411 ตำบล 15,990 หมู่บ้าน
3. การให้ความช่วยเหลือของหน่วยงาน
3.1 จังหวัดที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยหนาว) ทั้ง 16 จังหวัด รายงานว่าได้มอบเครื่องกันหนาวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนผ้าห่มกันหนาวจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) สมาคม มูลนิธิ ไปแล้ว รวม 260,998 ชิ้น
3.2 บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนผ้าห่มกันหนาว จำนวน 200,000 ผืน เพื่อแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครพนม สกลนคร หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ นครราชสีมา เชียงราย น่าน ลำปาง เชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
3.3 หอการค้าไทย-จีน และสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย ได้มอบผ้าห่มช่วยเหลือภัยหนาว จำนวน 2,000 ผืน ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553โดยกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานกลางในการนำผ้าห่มกันหนาวไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ต่าง ๆ
3.4 บริษัท ซีพี จำกัด (มหาชน) (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ได้ให้การสนับสนุนผ้าห่มกันหนาว จำนวน 50,000 ผืน มูลค่า 12.5 ล้านบาท ซึ่งจัดซื้อจากกลุ่มแม่บ้านผู้ผลิตผ้าห่มนวม จังหวัดสกลนคร ตามนโยบายส่งเสริมอาชีพและช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นของกระทรวงมหาดไทย และได้มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล) เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2553 เพื่อแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน น่าน พะเยา สกลนคร นครพนม เลย อุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น
4. สิ่งของพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาว
กองงานพระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงโปรดให้ผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบถุงพระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร ลำพูน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน น่าน และจังหวัดพะเยา ในระหว่างวันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2553 รวม จำนวน 11,400 ถุง นมอัดเม็ดจิตรลดา 50 กล่อง และนมสด 50 กล่อง
อนึ่ง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับรายงานข้อมูลเหตุแผ่นดินไหว (ระหว่างวันที่ 9 - 13 ธันวาคม 2553 จากศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ และกรมอุตุนิยมวิทยา ว่าได้เกิดแผ่นดินไหว แต่ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 เวลา 22.46 น. แผ่นดินไหวบริเวณหมู่เกาะอันดามัน ประเทศอินเดีย ขนาด 5.0 ริกเตอร์ และเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2553 เวลา 08.14 น. แผ่นดินไหวบนบกบริเวณหมู่เกาะโซโลมอน ขนาด 6.2 ริกเตอร์ ศูนย์กลาง 6,060 กิโลเมตร ห่างจาก อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี และเวลา 16.18 น.แผ่นดินไหวบริเวณตอนใต้ของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ขนาด 5.8 ริกเตอร์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 ธันวาคม 2553--จบ--