คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
1. ร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจว่าด้วยแผนปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากน้ำมันอาเซียน
2. ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างข้อแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว
โดยให้กระทรวงคมนาคมประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 1 ตุลาคม 2545
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. ภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยการเตรียมการและการขจัดมลพิษจากน้ำมัน (Memorandum of Understanding on Oli Pollution Preparedness and Response) แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าด้านอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมันและคอมพิวเตอร์ภายใต้โครงการความร่วมมือในการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากมลพิษของน้ำมันในน่านน้ำของประเทศอาเซียน (Oil Spill Preparedness and Response หรือ OSPAR)
2. ประเทศสมาชิกได้จัดการประชุม The OSPAR Management Committee Meeting เพื่อติดตามการดำเนินงานของโครงการ OSPAR เป็นประจำทุกปี โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมและได้มีการปรับปรุงวาระการประชุมฯ โดยนำเรื่องมลพิษที่เกิดจากสารเคมีเข้าพิจารณาเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง รวมทั้งได้เชิญผู้แทนประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนามเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยพร้อมทั้งได้ปรับปรุงชื่อการประชุมเป็น The ASEAN — OSPAR Management Meeting และกำหนดให้การประชุมภายใต้ชื่อใหม่ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 1 ณ กรุงเทพฯ
3. ในการประชุม The ASEAN — OSPAR Management Meeting ครั้งที่ 4 ณ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 14 — 15 พฤศจิกายน 2549 ที่ประชุมฯ ได้ตกลงมอบหมายให้อินโดนีเซียในฐานะหน่วยประสานงาน (Focal Point Agency) มีหนังสือแจ้งเชิญกัมพูชา พม่า และเวียดนามเพื่อเข้าเป็นสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ และขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาร่างแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่เพิ่มประเทศทั้งสามเป็นสมาชิก และดำเนินการตามขั้นตอนภายในของแต่ละประเทศสำหรับการลงนามในระหว่างการประชุมฯ ครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 ณ ประเทศอินโดนีเซีย
4. กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีเห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ และเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ ก่อนกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมลงนามต่อไป ทั้งนี้ ร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
4.1 วัตถุประสงค์ของร่างข้อแก้ไขฯ เพื่อขยายจำนวนสมาชิกสำหรับความร่วมมือในการเตรียมการและการขจัดภาวะมลพิษจากน้ำมันอันเกิดจากเหตุฉุกเฉินในภูมิภาคโดยการเสนอให้เพิ่มประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ และเพิ่มเติมหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานแห่งชาติแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในประเด็นอื่นใด
4.2 ภาระหน้าที่ของประเทศสมาชิกภายใต้แผนปฏิบัติการฯ (ซึ่งมีอยู่เดิมแล้ว)
4.2.1 ประเทศสมาชิกจะต้องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือระหว่างกันในการขจัดคราบน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) รั่วไหลขนาดใหญ่หากได้รับการร้องขอ
4.2.2 ประเทศสมาชิกจะต้องเก็บรวบรวมและส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเตรียมการและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากการรั่วไหลของน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) ให้กันและกัน รวมทั้งการจัดให้มีการอบรมและการฝึกซ้อมร่วมกัน
4.2.3 ประเทศสมาชิกจะต้องอนุญาตให้ประเทศสมาชิกอื่นเข้ามาในน่านน้ำของประเทศตนเพื่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) รั่วไหลขนาดใหญ่หากได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังประเทศสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤษภาคม 2550--จบ--
1. ร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจว่าด้วยแผนปฏิบัติการป้องกันและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากน้ำมันอาเซียน
2. ให้อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างข้อแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว
โดยให้กระทรวงคมนาคมประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 1 ตุลาคม 2545
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. ภายหลังการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนว่าด้วยการเตรียมการและการขจัดมลพิษจากน้ำมัน (Memorandum of Understanding on Oli Pollution Preparedness and Response) แล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าด้านอุปกรณ์ขจัดคราบน้ำมันและคอมพิวเตอร์ภายใต้โครงการความร่วมมือในการรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเลจากมลพิษของน้ำมันในน่านน้ำของประเทศอาเซียน (Oil Spill Preparedness and Response หรือ OSPAR)
2. ประเทศสมาชิกได้จัดการประชุม The OSPAR Management Committee Meeting เพื่อติดตามการดำเนินงานของโครงการ OSPAR เป็นประจำทุกปี โดยหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 เป็นต้นมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมและได้มีการปรับปรุงวาระการประชุมฯ โดยนำเรื่องมลพิษที่เกิดจากสารเคมีเข้าพิจารณาเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง รวมทั้งได้เชิญผู้แทนประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนามเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยพร้อมทั้งได้ปรับปรุงชื่อการประชุมเป็น The ASEAN — OSPAR Management Meeting และกำหนดให้การประชุมภายใต้ชื่อใหม่ครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 1 ณ กรุงเทพฯ
3. ในการประชุม The ASEAN — OSPAR Management Meeting ครั้งที่ 4 ณ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 14 — 15 พฤศจิกายน 2549 ที่ประชุมฯ ได้ตกลงมอบหมายให้อินโดนีเซียในฐานะหน่วยประสานงาน (Focal Point Agency) มีหนังสือแจ้งเชิญกัมพูชา พม่า และเวียดนามเพื่อเข้าเป็นสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ และขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาร่างแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่เพิ่มประเทศทั้งสามเป็นสมาชิก และดำเนินการตามขั้นตอนภายในของแต่ละประเทศสำหรับการลงนามในระหว่างการประชุมฯ ครั้งต่อไปซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2550 ณ ประเทศอินโดนีเซีย
4. กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีเห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ และเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ ก่อนกระทรวงคมนาคมเข้าร่วมลงนามต่อไป ทั้งนี้ ร่างข้อแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
4.1 วัตถุประสงค์ของร่างข้อแก้ไขฯ เพื่อขยายจำนวนสมาชิกสำหรับความร่วมมือในการเตรียมการและการขจัดภาวะมลพิษจากน้ำมันอันเกิดจากเหตุฉุกเฉินในภูมิภาคโดยการเสนอให้เพิ่มประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ และเพิ่มเติมหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานแห่งชาติแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญในประเด็นอื่นใด
4.2 ภาระหน้าที่ของประเทศสมาชิกภายใต้แผนปฏิบัติการฯ (ซึ่งมีอยู่เดิมแล้ว)
4.2.1 ประเทศสมาชิกจะต้องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือระหว่างกันในการขจัดคราบน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) รั่วไหลขนาดใหญ่หากได้รับการร้องขอ
4.2.2 ประเทศสมาชิกจะต้องเก็บรวบรวมและส่งข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเตรียมการและขจัดมลพิษทางทะเลเนื่องจากการรั่วไหลของน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) ให้กันและกัน รวมทั้งการจัดให้มีการอบรมและการฝึกซ้อมร่วมกัน
4.2.3 ประเทศสมาชิกจะต้องอนุญาตให้ประเทศสมาชิกอื่นเข้ามาในน่านน้ำของประเทศตนเพื่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมัน (หรือสารเคมีอันตราย) รั่วไหลขนาดใหญ่หากได้ร้องขอความช่วยเหลือไปยังประเทศสมาชิกบันทึกความเข้าใจฯ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 พฤษภาคม 2550--จบ--