มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday December 29, 2010 16:18 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

ข้อเท็จจริง

กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอว่า

1. ประเด็นปัญหาจากการควบรวมกิจการและโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันส่งผลให้บริษัทจำกัดใหม่หรือบริษัทจำกัดผู้รับโอนไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล ตามมาตรา 65 ทวิ (10) แห่งประมวลรัษฎากร ใน 2 กรณี คือ

1.1 กรณีบริษัทจำกัดเดิมถือหุ้นบริษัทจำกัดผู้อื่นผู้จ่ายเงินปันผลเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 3 เดือน ก่อนวันที่มีเงินได้จากเงินปันผล และได้มีการควบกิจการเป็นบริษัทใหม่ หรือได้โอนกิจการทั้งหมดให้แก่บริษัทผู้รับโอน

1.2 กรณีบริษัทจำกัดเดิมถือหุ้นบริษัทจำกัดผู้อื่นผู้จ่ายเงินปันผลเป็นระยะเวลาน้อยกว่า 3 เดือน นับแต่ วันที่มีเงินได้จากเงินปันผล และได้มีการควบกิจการเป็นบริษัทใหม่ หรือได้โอนกิจการทั้งหมดให้แก่บริษัทผู้รับโอน

2. เพื่อแก้ไขปัญหาตามข้อ 1 ควรกำหนดมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการ กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผล โดยออกเป็นพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

3. การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทมีการควบรวมกิจการหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงโครงสร้างกิจการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย และช่วยให้การจัดเก็บภาษีจากเงินปันผลเป็นมาตรฐานเดียวกันกับกรณีที่ไม่ได้มีการควบรวมกิจการหรือโอนกิจการทั้งหมด ซึ่งสอดคล้องกับหลักการดำเนินกิจการต่อเนื่อง ตลอดจนจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัท และทำให้ฐานภาษีของรัฐบาลเพิ่มขึ้นในระยะยาว

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

ให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินปันผลที่ได้จากบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากกองทุนรวมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ให้แก่

1. บริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดใหม่อันได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้รับโอนจากการโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งของเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับ

2. บริษัทตามข้อ 1 ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนหรือเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลเป็นจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง โดยบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทนั้นไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อมเป็นจำนวนเท่ากับเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับ

ทั้งนี้ บริษัทตามข้อ 1 และ 2 ได้ถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนที่ก่อให้เกิดเงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งกำไรไม่น้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่ได้หุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นมาจนถึงวันที่มีเงินได้ดังกล่าว และยังคงถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นต่อไปอีกไม่น้อยกว่าสามเดือนนับแต่วันที่มีเงินได้โดยให้นับระยะเวลาระหว่างที่บริษัทมหาชนจำกัดหรือบริษัทจำกัดเดิมอันได้ควบเข้ากันหรือเป็นผู้โอนกิจการที่ต้องจดทะเบียนเลิกได้ถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนนั้นรวมด้วย (ร่างมาตรา 3 เพิ่มเติมมาตรา 5 เตวีสติ)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ธันวาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ