คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินการตามโครงการ “2553 ปีแห่งความปลอดภัย”
2. รับทราบแผนงาน/กิจกรรมการดำเนินการตามโครงการ “2554 ปีแห่งความปลอดภัย”
3. รับทราบการเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2553 - 4 มกราคม 2554 ตามแผน “คมนาคมปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2554”
สาระสำคัญของเรื่อง
1. การดำเนินการตามโครงการ “2553 ปีแห่งความปลอดภัย”
1.1 แนวทางการดำเนินการ
กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในสังกัดได้ดำเนินการตามโครงการ แผนงาน กิจกรรมต่างๆ ตลอดปี 2553 อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “2553 ปีแห่งความปลอดภัย” ในวันที่ 20 ธันวาคม 2552 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สรุปสาระสำคัญของการดำเนินงานแต่ละด้าน ดังนี้
1) การดำเนินงานด้านการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพโครงสร้างพื้นฐาน
- แก้ไขจุดเสี่ยง จุดอันตราย รวมถึงโค้งอันตรายบนทางหลวง 501 แห่ง และทางหลวงชนบท 875 แห่ง
- แก้ไขจุดตัดทางรถไฟกับถนนในส่วนของการรถไฟแห่งประเทศไทย 121 แห่ง
- ตรวจสอบความปลอดภัยทางถนนบนทางหลวงชนบท 400 สายทาง
- ก่อสร้างถนนไร้ฝุ่นกว่า 3,000 กิโลเมตร ฯลฯ
2) การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย
- การติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยเพิ่มเติมบนทางหลวงและทางหลวงชนบท ได้แก่ เครื่องหมาย ป้ายจราจร สัญญาณไฟ ไฟฟ้าแสงสว่าง และราวกันอันตราย
- การเข้มงวดในการออกใบอนุญาต การตรวจสภาพรถยนต์โดยสารสาธารณะ และรถโดยสารสาธารณะร่วมบริการ
- การตรวจวัดระดับปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของพนักงานขับรถ โดยจะต้องมีแอลกอฮอล์ในเลือดเป็น “ศูนย์” มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในระหว่างการให้บริการ ฯลฯ
3) การเพิ่มบริการเพื่อความปลอดภัย
- การจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ และจัดตั้งศูนย์บริการและอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่ประชาชนในเส้นทางหลักและเส้นทางรองทั่วประเทศในช่วงเทศกาลต่างๆ
- การกำหนดให้ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม โทรศัพท์สายด่วน 1356 เป็นศูนย์กลางการประสานงานกับศูนย์บริการต่างๆ ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
4) การปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมการเดินทางอย่างมีวินัย
- การอบรมหลักสูตรพนักงานขับรถมืออาชีพ จัดโดยกรมการขนส่งทางบก ผู้เข้าอบรม ประกอบด้วย พนักงานขับรถลากจูงและพนักงานควบคุมรถเครื่องกลขนาดใหญ่ ประมาณ 2,000 คน ซึ่งได้ดำเนินการทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด
- การอบรมเยาวชนในสถานศึกษาเกี่ยวกับวินัยจราจรประมาณ 80,000 คน
- การอบรมพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ ทั้งพนักงานขับรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง เพื่อสร้างจิตสำนึกความปลอดภัยทางถนน ขับรถด้วยความไม่ประมาทและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ดำเนินการโดยกรมการขนส่งทางบก บริษัท ขนส่ง จำกัด และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
- การจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมด้านความปลอดภัย สร้างวินัยจราจร ฯลฯ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งจัดทำคู่มือกระบวนการเรียนรู้สำหรับครูผู้สอน เพื่อเสริมในหลักสูตรวิชาต่างๆ ของนักเรียน/นักศึกษาทุกระดับ
- การจัดประกวดคำขวัญรณรงค์เรื่องความปลอดภัย และนำมาใช้ในการรณรงค์อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ โดยได้สุดยอดคำขวัญว่า “มือบังคับรถ กฎบังคับใจ ขับขี่ปลอดภัย ถ้าไม่ประมาท”ฯลฯ
1.2 ผลการดำเนินการ
จากการดำเนินการตามมาตรการเชิงรุกทั้ง 4 ด้านดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้สถิติจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บลดลงตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบระหว่างสถิติในปี พ.ศ. 2552 กับปี พ.ศ. 2553 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้สรุปสถิติอุบัติเหตุในภาคการขนส่งรายงานคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเป็นรายเดือน ดังนี้
1.2.1 สถิติจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทางถนน ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง ประมาณ 60,000 ถ และกรมทางหลวงชนบท ประมาณ 49,000 กิโลเมตรลดลง เมื่อเปรียบเทียบสถิติระหว่างปี 2552 และ 2553 ตามตารางที่ 1
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ
จำนวน ปี 2552 ปี 2553 ผลต่างปี ร้อยละผลต่าง
(2553-2552) เมื่อเทียบกับปี 2552
อุบัติเหตุ 11,987 6,810 -5,177 -40 ผู้เสียชีวิต 1,517 1,300 -217 -14 ผู้บาดเจ็บ 10,049 7,380 -2,669 -30
จากสถิติเปรียบเทียบดังกล่าว เป็นเรื่องของถนนในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม แต่หากเปรียบเทียบสถิติอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศแล้วจะพบว่าลดลงเช่นกัน ตามตารางที่ 2
ตารางที่ 2 การเปรียบเทียบจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บทางถนนทั่วประเทศ
จำนวน ปี 2552 ปี 2553 ผลต่างปี ร้อยละผลต่าง
(2553-2552) เมื่อเทียบกับปี 2552
อุบัติเหตุ 84,806 63,300 -21,506 -25 ผู้เสียชีวิต 10,717 8,800 -1,917 -20 ผู้บาดเจ็บ 61,996 37,500 -24,496 -40
โดยมีมูลค่าความเสียหายลดลงกว่า 2,000 ล้านบาท จากสถิติเดิมที่เสียหายเฉลี่ยปีละ 200,000 ล้านบาท
นอกจากสถิติเปรียบเทียบดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังสามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนได้ตามลำดับในตารางที่ 3
ตารางที่ 3 สาเหตุของอุบัติเหตุทางถนน มีสัดส่วนตามลำดับ ดังนี้
ลำดับ รายการ ปี 2553 (ครั้ง) ร้อยละ 1 ขับรถเร็วเกินกำหนด 3,590 52.6 2 ไม่รักษากฎและฝ่าฝืนวินัยจราจร (เช่น แซงใน 2,640 38.8
ที่คับขัน ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร ฯลฯ)
3 เมาสุรา/ยาบ้า 190 2.8 4 หลับใน 250 3.7 5 อุปกรณ์รถบกพร่อง 140 2.1 จำนวนรวม 6,810 100
1.2.2 สถิติอุบัติเหตุทางน้ำ
มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง แต่จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น ตามตารางที่ 4
ตารางที่ 4 ตารางการเปรียบเทียบจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ
จำนวน ปี 2552 ปี 2553 ผลต่างปี ร้อยละผลต่าง
(2553-2552) เมื่อเทียบกับปี 2552
อุบัติเหตุ 35 25 -10 -29 ผู้เสียชีวิต 10 6 -4 -40 ผู้บาดเจ็บ 33 53 20 61
1.2.3 สถิติอุบัติเหตุทางราง
มีจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุและจำนวนผู้เสียชีวิตลดลง แต่จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามตารางที่ 5
ตารางที่ 5 ตารางการเปรียบเทียบจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ
จำนวน ปี 2552 ปี 2553 ผลต่างปี ร้อยละผลต่าง
(2553-2552) เมื่อเทียบกับปี 2552
อุบัติเหตุ 125 115 -10 -8 ผู้เสียชีวิต 86 40 -46 -53 ผู้บาดเจ็บ 112 121 9 8
1.2.4 สถิติอุบัติเหตุทางอากาศ (ไม่มี)
กระทรวงคมนาคมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ทุกหน่วยงานในสังกัดได้ร่วมมือกันอย่างเต็มที่ในการดำเนินการตามโครงการ “2553 ปีแห่งความปลอดภัย” จนกระทั่งสัมฤทธิ์ผลดังกล่าวในข้อ 2. ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาและลดความสูญเสียได้ในระดับหนึ่ง กระทรวงคมนาคมจึงมุ่งมั่นดำเนินการต่อไปในปี พ.ศ. 2554 ตามโครงการ “2554 ปีแห่งความปลอดภัย” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” ด้วยมาตรการเชิงรุก 4 ด้าน โดยกระทรวงคมนาคมได้นำเป้าหมายของวาระแห่งชาติที่คณะรัฐมนตรีเมื่อคราวประชุมเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 มีมติเห็นชอบให้ ปี พ.ศ. 2554-2463 เป็น “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” มาเป็นแนวทางการดำเนินงานอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้จัดทำแผนงาน/กิจกรรมที่จะดำเนินการตามโครงการ “2554 ปีแห่งความปลอดภัย” ไว้เรียบร้อยแล้ว และได้จัดทำแผน “คมนาคมปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2554” เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ดังนี้
1. แผน“คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” ตามโครงการ “2554 ปีแห่งความปลอดภัย”
กระทรวงคมนาคมได้กำหนดเป้าประสงค์ของแผนงานตามโครงการ “2554 ปีแห่งความปลอดภัย”เพื่อลดความสูญเสีย และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในการเดินทาง โดยได้จัดทำแผน“คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข”ขึ้น เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดรับไปดำเนินงานอย่างจริงจัง ซึ่งมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย
1.1 วิสัยทัศน์ “เดินทางปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สู่คุณภาพชีวิตที่ดี”
1.2 เป้าประสงค์
1) เพื่อลดความสูญเสีย (Safety) มีกลยุทธ์การดำเนินงาน ดังนี้ การแก้ไข/ปรับปรุงจุดเสี่ยง จุดอันตราย ทางโค้งอันตราย ซ่อมแซม/ฟื้นฟู/บูรณะโครงสร้างพื้นฐาน ติดตั้งอุปกรณ์/เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยตรวจสอบและเตรียมพร้อม เพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมาย
2) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต (Quality) มีกลยุทธ์การดำเนินงาน ดังนี้ อำนวยความสะดวกและบริการอย่างเพียงพอ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบขนส่งสาธารณะ ปรับปรุงภูมิทัศน์และสภาพแวดล้อม สร้างวัฒนธรรมการเดินทางที่ปลอดภัย ให้บริการและเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารอย่างฉับไว
อนึ่ง กระทรวงคมนาคมได้จัดทำโครงการ “ถนนสีขาว ถนนแห่งความปลอดภัย” เป็นกิจกรรมหลักที่สำคัญในแผน “คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” โดยได้มอบหมายให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1.3 วัตถุประสงค์
เพื่อลดจำนวนอุบัติเหตุ ในสายทางหลักและสายรองทั่วประเทศ โดยการบริหารจัดการและปรับปรุงถนนตามหลักวิศวกรรมจราจรและงานทาง รวมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตในการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ บนถนนนำร่องในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
1.4 แนวทางการดำเนินการ
1) การปรับปรุงเส้นทางให้ดีพร้อม ทั้งผิวทาง ไหล่ทาง เครื่องหมาย อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย เกาะกลาง ทางเข้าออกของทางร่วมทางแยก เครื่องหมายเตือนบริเวณก่อสร้าง ฯลฯ พร้อมตรวจสอบความปลอดภัยของถนนทุก 3 เดือน
2) การสร้างความตระหนักรู้ถึงความปลอดภัย โดยการให้ความรู้ควบคู่การประชาสัมพันธ์แก่ผู้ใช้ทาง ประชาชนสองข้างทาง และชุมชนในพื้นที่
3) การรักษาวินัยจราจร หน่วยงานโดยเฉพาะตำรวจทางหลวงต้องเข้มงวดกับผู้ขับขี่ และประชาชนต้องเข้าใจ รักษาวินัย ปฏิบัติตามกฎและเครื่องหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
1.5 เส้นทางนำร่องใน5 ภูมิภาค ทั่วประเทศ
ระยะแรก กระทรวงคมนาคมได้กำหนดเส้นทางนำร่อง 5 สายทาง ใน 5 ภูมิภาคทั่วประเทศให้เป็น “ถนนสีขาว ถนนแห่งความปลอดภัย” ดังนี้
ภาค ทางหลวงหมายเลข ช่วงโครงการ ช่วง กม.-กม. กลาง 305 และ 3428,3052 อำเภอองครักษ์-จังหวัดนครนายก (โรงเรียน จปร.) 44+300-68+000 ตะวันออกเฉียงเหนือ 2 (ถนนมิตรภาพ) อำเภอสีคิ้ว-อำเภอสูงเนิน 105+000-116+000 ตะวันออก 3 (ถนนสุขุมวิท) อำเภอขลุง-จังหวัดตราด 357+000-399+000 เหนือ 12 (สาย East-West) จังหวัดตาก-สุโขทัย (บ้านด่านลานหอย) 121+000-152+000 ใต้ 4 (ถนนเพชรเกษม) อำเภอชะอำ-อำเภอหัวหิน 204+000-228+000
ระยะต่อไป กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทจะพิจารณาแนวสายทางและช่วงกิโลเมตรที่จะกำหนดให้เป็น“ถนนสีขาว ถนนแห่งความปลอดภัย” จังหวัดละ 1 สายทาง เพื่อดำเนินโครงการฯ ตามแนวทางที่กำหนดไว้ข้างต้นต่อไป
2. แผน “คมนาคมปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2554”
กระทรวงคมนาคมได้เตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ตามแผน “คมนาคมปลอดภัย เทศกาลปีใหม่ 2554” ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2553-4 มกราคม 2554 โดยมีเป้าหมายที่จะลดจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเดินทางของประชาชนในเทศกาลลงไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 และจะต้องไม่มีผู้โดยสารในระบบขนส่งสาธารณะเสียชีวิตจากการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2554 ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบจัดเตรียมยานพาหนะ พื้นที่สถานีขนส่ง ชานชาลา และพื้นที่จอดรถสำรองให้เพียงพอกับความต้องการเดินทางของประชาชน รวมทั้งเพิ่มจำนวนตู้โดยสารรถไฟและเที่ยววิ่ง เพิ่มเที่ยวบินเสริมพิเศษ เพื่อรองรับปริมาณการเดินทาง ดังนี้
2.1 การจัดบริการขนส่งสาธารณะให้เพียงพอ
1) บริษัท ขนส่ง จำกัด เพิ่มจำนวนเที่ยวรถขาขึ้นและขาล่องระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2553—4 มกราคม 2554 รวม 42,230 เที่ยว สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 1,303,887 คน
2) การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดเดินขบวนรถไฟพิเศษเพิ่มในเส้นทางสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เที่ยวไปวันที่ 30 — 31 ธันวาคม 2553 จัดเพิ่ม 7 ขบวน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 29,000 คน และเที่ยวกลับ วันที่ 3 — 4 มกราคม 2554 จัดเพิ่ม 13 ขบวน สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเติมเฉลี่ยได้ประมาณ 30,000 คน
3) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารตลอดเทศกาลประมาณ 20,000 เที่ยว เพื่อรับส่งผู้โดยสารตามสถานีขนส่งและสถานีรถไฟ
4) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพิ่มเที่ยวบินเสริมพิเศษ จำนวน 8 เที่ยวบิน ในเส้นทางบินกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-กระบี่ (ไป-กลับ) ในวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และวันที่ 2 มกราคม 2554
5) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพิ่มความถี่ในการให้บริการและจัดขบวนรถเพิ่มในระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2553 — 1 มกราคม 2554
2.2 การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย
1) การยกเว้นค่าผ่านทาง
1.1) กรมทางหลวง ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ของวันที่ 27 ธันวาคม 2553 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 3 มกราคม 2554
1.2) การทางพิเศษแห่งประเทศไทยยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษสายบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ตั้งแต่เวลาศูนย์นาฬิกาของวันที่ 28 ธันวาคม 2553 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 3 มกราคม 2554
2) การจัดตั้ง “ศูนย์คมนาคมปลอดภัย สังคมไทยเป็นสุข” เพื่อเป็นจุดบริการร่วมของกระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก และบริษัท ขนส่ง จำกัด) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการอำนวยความสะดวก/บริการประชาชนระหว่างการเดินทาง ประกอบด้วย
2.1) จุดให้บริการ 12 จุด ณ ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ ดังนี้
(1) ศูนย์บริการทางหลวงชัยนาท จังหวัดชัยนาท (ช่วง กม. 133+504 ขาล่อง)
(2) ศูนย์บริการทางหลวง OTOP นครชากังราว จังหวัดกำแพงเพชร (ช่วง กม. 449+437 ขาล่อง)
(3) ศูนย์บริการทางหลวงขุนตาน จังหวัดลำปาง (ช่วง กม. 19+350 ขาขึ้น)
(4) สถานีบริการน้ำมัน ป.ต.ท. อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (ช่วง กม. 92+200 ขาขึ้น และ ช่วง กม. 94+700 ขาล่อง)
(5) บริเวณพื้นที่หน้าป้อมตำรวจทางหลวง อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น (ช่วง กม. 291+128 ขาล่อง)
(6) บริเวณสี่แยกปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ (ช่วง กม. 138+100 ขาขึ้น)
(7) บริเวณทางเลี่ยงเมืองอำเภอลำปลายมาศ (หนองผะองค์) จังหวัดบุรีรัมย์ (ช่วง กม. 91+012 ขาล่อง)
(8) หมวดการทางชะอำ จังหวัดเพชรบุรี (ช่วง กม. 185+947 ขาล่อง)
(9) ศูนย์บริการทางหลวงเขาโพธิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ช่วง กม. 431+400 ขาขึ้น/ขาล่อง)
(10) บริเวณสี่แยกเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ช่วง กม. 225+842 ขาล่อง)
(11) จุดตรวจสี่แยกควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (ช่วง กม. 0+655 ขาขึ้น)
(12) บริเวณบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา (ช่วง กม. 873+700 ขาล่อง)
โดยจุดให้บริการทั้ง 12 จุดจะเปิดบริการพร้อมกันในวันที่ 29 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2554 และให้บริการอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ ได้แก่ ให้เป็นจุดพักผ่อนหรือเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างเดินทาง การรับแจ้งเหตุและแก้ไขปัญหาฉุกเฉิน แนะนำเส้นทางการเดินทาง ปฐมพยาบาลผู้ใช้เส้นทาง บริการสุขาเคลื่อนที่ ตรวจสอบสภาพรถผู้ใช้ทาง/รถเสียซ่อมได้ รวมทั้งการบริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น และอาหารว่าง เป็นต้น
2.2) การจัดให้มีจุดพักรถโดยสารสาธารณะ บนทางหลวงสายหลัก 8 แห่ง ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 1 จังหวัดกำแพงเพชร ทางหลวงหมายเลข 11 จังหวัดพิษณุโลก ทางหลวงหมายเลข 2 จังหวัดนครราชสีมา ทางหลวงหมายเลข 226 จังหวัดบุรีรัมย์ ทางหลวงหมายเลข 4 จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทางหลวงหมายเลข 41 จังหวัดนครศรีธรรมราช ทางหลวงหมายเลข 3 และหมายเลข 344 จังหวัดระยอง
2.3 ด้านความมั่นคง
มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดเข้มงวดและวางระบบการป้องกันพื้นที่ในความรับผิดชอบ โดยจัดเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบดูแลพื้นที่และบริเวณโดยรอบสถานที่ราชการและสถานีบริการสาธารณะทุกแห่ง ตรวจตรารถยนต์ที่เข้า-ออก ในอาคารจอดรถ เข้มงวดกวดขัน กำชับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสังเกต เฝ้าระวังสิ่งผิดปกติ ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการตรวจตราถนน ทางพิเศษ สะพาน สนามบิน และท่าเรือในความรับผิดชอบให้มีความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุดสำหรับประชาชน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 ธันวาคม 2553--จบ--