คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เป็นจำนวน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 — 2552 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า
1. ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme, UNEP) มาตั้งแต่ปี 2519 และบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ของ UNEP มาตั้งแต่ปี 2521
2. ปี พ.ศ. 2546 UNEP เริ่มดำเนินการขยายฐานการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ โดยใช้ Voluntary Indicative Scale of Contributions (VISC)ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศสมาชิก (Economic and Social Circumstances of Member States) และขอความร่วมมือประเทศสมาชิกรวมทั้งประเทศไทยบริจาคเงินตาม Scale ดังกล่าว โดยขอให้ไทยบริจาคเงินจำนวน 63,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ. 2546 และ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2547 — 2548 สำหรับปี พ.ศ. 2549 — 2550 ขอให้บริจาคเงินจำนวน 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. การบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เป็นการบริจาคโดยความสมัครใจ รัฐบาลไทยจึงพิจารณาความเหมาะสมของเงินบริจาคตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เห็นชอบให้ไทยบริจาคเงินเป็นจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับในช่วงปี 2547 — 2549 ซึ่งทำให้ไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
4. ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนซึ่งมีสภาพเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทยมีการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ในปี 2549 อยู่ในวงเงินที่ใกล้เคียงกันกับไทย ได้แก่ มาเลเซียบริจาค 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐอินโดนีเซียบริจาค 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสาธารณรัฐสิงคโปร์บริจาค 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนมียอดเงินบริจาคคือ ราชอาณาจักรกัมพูชา 8,484 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 4,410 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ สหภาพพม่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ส่วนบรูไนดารุสซาลามไม่ได้บริจาคเงินสมทบดังกล่าว
5. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหน่วยงานกลางการดำเนินงาน UNEP ของประเทศไทยได้บริจาคเงินดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และยังมีความจำเป็นในการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ในปี 2550 และปีต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก UNEP และได้ตั้งงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2550 พร้อมทั้งเตรียมการขอจัดตั้งงบประมาณปี 2551 เพื่อการนี้ไว้ด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า
1. ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme, UNEP) มาตั้งแต่ปี 2519 และบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ของ UNEP มาตั้งแต่ปี 2521
2. ปี พ.ศ. 2546 UNEP เริ่มดำเนินการขยายฐานการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ โดยใช้ Voluntary Indicative Scale of Contributions (VISC)ที่องค์การสหประชาชาติกำหนดขึ้น โดยคำนึงถึงสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของแต่ละประเทศสมาชิก (Economic and Social Circumstances of Member States) และขอความร่วมมือประเทศสมาชิกรวมทั้งประเทศไทยบริจาคเงินตาม Scale ดังกล่าว โดยขอให้ไทยบริจาคเงินจำนวน 63,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี พ.ศ. 2546 และ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงปี 2547 — 2548 สำหรับปี พ.ศ. 2549 — 2550 ขอให้บริจาคเงินจำนวน 45,000 ดอลลาร์สหรัฐ
3. การบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เป็นการบริจาคโดยความสมัครใจ รัฐบาลไทยจึงพิจารณาความเหมาะสมของเงินบริจาคตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 8 มิถุนายน 2547 เห็นชอบให้ไทยบริจาคเงินเป็นจำนวน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี สำหรับในช่วงปี 2547 — 2549 ซึ่งทำให้ไทยบริจาคเงินสมทบกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 20,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ติดต่อกันมาเป็นเวลา 6 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
4. ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนซึ่งมีสภาพเศรษฐกิจใกล้เคียงกับไทยมีการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ในปี 2549 อยู่ในวงเงินที่ใกล้เคียงกันกับไทย ได้แก่ มาเลเซียบริจาค 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐอินโดนีเซียบริจาค 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสาธารณรัฐสิงคโปร์บริจาค 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนมียอดเงินบริจาคคือ ราชอาณาจักรกัมพูชา 8,484 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 4,410 ดอลลาร์สหรัฐ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ สหภาพพม่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ ส่วนบรูไนดารุสซาลามไม่ได้บริจาคเงินสมทบดังกล่าว
5. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหน่วยงานกลางการดำเนินงาน UNEP ของประเทศไทยได้บริจาคเงินดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และยังมีความจำเป็นในการบริจาคเงินสมทบกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ ในปี 2550 และปีต่อ ๆ ไปอย่างต่อเนื่อง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก UNEP และได้ตั้งงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2550 พร้อมทั้งเตรียมการขอจัดตั้งงบประมาณปี 2551 เพื่อการนี้ไว้ด้วยแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 มิถุนายน 2550--จบ--