แท็ก
กรมโยธาธิการและผังเมือง
กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงมหาดไทย
สำนักงบประมาณ
กระทรวงกลาโหม
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการให้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามชายแดนระหว่างประเทศตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย
กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานจากกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า เกิดการสูญเสียดินแดนของประเทศไทย ตลอดแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณแม่น้ำตามชายแดนทั้ง 7 แม่น้ำสายหลัก ประกอบด้วยแม่น้ำเมย แม่น้ำโขง แม่น้ำรวก แม่น้ำสาย แม่น้ำเหือง แม่น้ำโกลก และแม่น้ำกระบุรี บางแห่งเกิดปัญหาตลิ่งฝั่งไทยพังอย่างรุนแรงปีละกว่า 20 เมตร ในแม่น้ำโขงสูญเสียดินแดนกว่า 444,023 ตารางเมตรต่อปี หรือประมาณ 280 ไร่ต่อปี แม่น้ำโกลกเกิดลัดคุ้งที่บ้านแฆแบะ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สูญเสียดินแดนไป 43 ไร่ แม่น้ำเมยเกิดลัดคุ้งที่บ้านแม่โกนเกน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แม่น้ำกระบุรีเปลี่ยนทางเดินทำให้ที่ดินของนายยิ้ม ธนบัตรถูกตัดขาดเป็นเกาะกลาง แม่น้ำกระบุรี เป็นพื้นที่ 8 ไร่ 3 งาน ร่องน้ำลึกซึ่งเป็นแนวเขตแดนเคลื่อนที่เข้าฝั่งไทยทำให้อาณาเขตลดลง
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าปัญหาการสูญเสียดินแดนตามลำน้ำเป็นปัญหาสำคัญกระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ เป็นหน้าที่ของคนไทยและทุกหน่วยงานที่จะต้องป้องกัน จากการตรวจสอบสภาพลำน้ำและรวบรวมข้อมูลจากกรมแผนที่ทหาร ตลอดแนวลำน้ำทั้ง 7 ลำน้ำ รวมความยาว 1,754 กิโลเมตร พบพื้นที่ที่มีปัญหาการพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำและมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องป้องกัน คิดเป็นความยาว 126 กิโลเมตร รวมค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง 7,969 ล้านบาท โดยได้จัดลำดับความรุนแรงวิกฤติที่ต้องเร่งดำเนินการโดยด่วนไว้ 5 ระดับ และเนื่องจากปัญหาดังกล่าวเป็นกรณีวิกฤติเร่งด่วน กระทบต่อความมั่นคงของชาติและสิทธิประโยชน์ของราษฎรไทย
การแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้โดยก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามแนวชายแดนทันทีคิดเป็นความยาว 7,760 เมตร วงเงิน 541.50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 118,145 เมตร คิดเป็นงบประมาณ 7,427.50 ล้านบาท จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการให้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามชายแดนระหว่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 สิงหาคม 2550--จบ--
กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานจากกรมโยธาธิการและผังเมืองว่า เกิดการสูญเสียดินแดนของประเทศไทย ตลอดแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณแม่น้ำตามชายแดนทั้ง 7 แม่น้ำสายหลัก ประกอบด้วยแม่น้ำเมย แม่น้ำโขง แม่น้ำรวก แม่น้ำสาย แม่น้ำเหือง แม่น้ำโกลก และแม่น้ำกระบุรี บางแห่งเกิดปัญหาตลิ่งฝั่งไทยพังอย่างรุนแรงปีละกว่า 20 เมตร ในแม่น้ำโขงสูญเสียดินแดนกว่า 444,023 ตารางเมตรต่อปี หรือประมาณ 280 ไร่ต่อปี แม่น้ำโกลกเกิดลัดคุ้งที่บ้านแฆแบะ ตำบลนานาค อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สูญเสียดินแดนไป 43 ไร่ แม่น้ำเมยเกิดลัดคุ้งที่บ้านแม่โกนเกน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก แม่น้ำกระบุรีเปลี่ยนทางเดินทำให้ที่ดินของนายยิ้ม ธนบัตรถูกตัดขาดเป็นเกาะกลาง แม่น้ำกระบุรี เป็นพื้นที่ 8 ไร่ 3 งาน ร่องน้ำลึกซึ่งเป็นแนวเขตแดนเคลื่อนที่เข้าฝั่งไทยทำให้อาณาเขตลดลง
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าปัญหาการสูญเสียดินแดนตามลำน้ำเป็นปัญหาสำคัญกระทบต่ออธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ เป็นหน้าที่ของคนไทยและทุกหน่วยงานที่จะต้องป้องกัน จากการตรวจสอบสภาพลำน้ำและรวบรวมข้อมูลจากกรมแผนที่ทหาร ตลอดแนวลำน้ำทั้ง 7 ลำน้ำ รวมความยาว 1,754 กิโลเมตร พบพื้นที่ที่มีปัญหาการพังทลายของตลิ่งริมแม่น้ำและมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องป้องกัน คิดเป็นความยาว 126 กิโลเมตร รวมค่าก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง 7,969 ล้านบาท โดยได้จัดลำดับความรุนแรงวิกฤติที่ต้องเร่งดำเนินการโดยด่วนไว้ 5 ระดับ และเนื่องจากปัญหาดังกล่าวเป็นกรณีวิกฤติเร่งด่วน กระทบต่อความมั่นคงของชาติและสิทธิประโยชน์ของราษฎรไทย
การแก้ไขปัญหาสามารถดำเนินการได้โดยก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามแนวชายแดนทันทีคิดเป็นความยาว 7,760 เมตร วงเงิน 541.50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 118,145 เมตร คิดเป็นงบประมาณ 7,427.50 ล้านบาท จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการให้ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำตามชายแดนระหว่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 สิงหาคม 2550--จบ--