คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
ข้อเท็จจริง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอว่า
1. เนื่องด้วยพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน นั้น คงใช้บังคับได้เฉพาะการศึกษาในระดับปริญญาตรีเท่านั้น และมีกฎหมายบางมาตราไม่สอดคล้องกับการบริหารงานในสถาบันอุดมศึกษาโดยทั่วไป ประกอบกับสถาบันการพลศึกษามีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากร สถานที่ เพื่อสนองต่อความต้องการของนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของสถาบัน จำเป็นต้องมีการจัดการศึกษาในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก เพื่อเป็นการเปิดโอกาสด้านการศึกษาให้กว้างขึ้น โดยปรับปรุงให้สภาสถาบันการพลศึกษามีอำนาจและหน้าที่ในการบริหารจัดการศึกษา การบริหารงานบุคคล การบริหารงบประมาณ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ความคล่องตัว สะดวก รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ มีความเป็นเอกภาพ ประสิทธิภาพสูงสุด
2. ในคราวประชุมสภาสถาบันการพลศึกษา ครั้งที่ 45 (7/2553) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2553 มีมติเห็นสมควรที่จะมีการแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติสถาบันการพลศึกษา พ.ศ. 2548 เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาสถาบันการพลศึกษาให้เป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยกระดับสถาบันการพลศึกษาเป็นสถาบันอุดมศึกษาอย่างแท้จริง
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดบทนิยามคำว่า “กระทรวง” “สภาวิชาการ” “วิทยาเขต” “คณะ” “บัณฑิตวิทยาลัย” “สำนัก” เพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจน (ร่างมาตรา 3)
2. กำหนดให้สภาสถาบันการพลศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานบุคคลของสถาบันตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ร่างมาตรา 4)
3. กำหนดให้สถาบันการพลศึกษาเป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและ เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ (ร่างมาตรา 5)
4. กำหนดเพิ่มบัณฑิตวิทยาลัย เป็นส่วนราชการในสถาบันการพลศึกษาเพื่อยกฐานะให้สถาบันการพลศึกษาสามารถจัดการศึกษาได้อย่างหลากหลายสาขา และสามารถจัดการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นได้ (ร่างมาตรา 6)
5. แก้ไของค์ประกอบของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้อธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการสภาสถาบันโดยตำแหน่ง และให้สภาสถาบันแต่งตั้งรองอธิการบดีคนหนึ่งซึ่งมิใช่กรรมการสภาสถาบัน เป็นกรรมการและเลขานุการ สภาสถาบันโดยคำแนะนำของอธิการบดี (ร่างมาตรา 9)
6. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของสภาสถาบันการพลศึกษา โดยกำหนดให้มีอำนาจหน้าที่พิจารณาอนุมัติหลักสูตรการศึกษาของสถาบัน การแต่งตั้งและถอดถอนรองอธิการบดี รองอธิการบดีประจำวิทยาเขต ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี คณบดี หัวหน้าส่วนราชการ ที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ ฯลฯ รวมทั้งวางระเบียบและออกข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงาน การเงิน การจัดหารายได้และผลประโยชน์จากทรัพย์สินของสถาบัน และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายจากเงินรายได้ของสถาบัน (ร่างมาตรา 11)
7. แก้ไขวิธีการได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสถาบัน และการพ้นจากตำแหน่ง (ร่างมาตรา 17) รวมทั้ง แก้ไขคุณสมบัติของอธิการบดี รองอธิการบดี และรองอธิการบดีประจำวิทยาเขต (ร่างมาตรา 18)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 มกราคม 2554--จบ--