ขออนุมัติปรับรูปแบบโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์(สควค.) ระยะที่ 3

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 2, 2011 16:47 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการการปรับรูปแบบโครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2555 — 2560) เพื่อผลิตครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทั้ง 2 ประเภท เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนครูและเสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ โดยมีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

1. อนุมัติการปรับรูปแบบการดำเนินงานและจำนวนทุนการผลิตครู สควค. เป็น 2 ประเภท ได้แก่

(1) ทุนประเภทที่ 1 Premium จำนวนปีละ 400 ทุน

(2) ทุนประเภทที่ 2 Super Premium จำนวนปีละ 180 ทุน

2. อนุมัติประมาณการค่าใช้จ่าย ตามนัยการปรับรูปแบบโครงการ สควค. ระยะที่ 3 สำหรับการดำเนินงาน ปี 2555 — 2560 ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

3. สำหรับการจัดสรรอัตราข้าราชการครูที่ว่างจากการเกษียณอายุของข้าราชการครูกระทรวงศึกษาธิการในแต่ละปี สำหรับบรรจุผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากทุน สควค. ทุกคน ให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคน ภาครัฐ (คปร.) และกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการในเรื่องนี้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 เรื่อง การขอคืนอัตราว่างข้าราชกาครูจากผลการเกษียณอายุราชการ

สาระสำคัญของเรื่อง

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รายงานว่า

1. เนื่องจากผลการสำรวจของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีการศึกษา 2550 พบว่ามีปัญหาขาดแคลนครูในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ จำนวน 10,831 อัตรา และขาดแคลนครูในสาขาวิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 11,922 อัตรา ประกอบกับหลังจากดำเนินโครงการ สควค. ระยะที่ 3 ได้ 1 ปี คณะกรรมการคุรุสภาในการประชุมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2553 ได้มีมติยกเลิกการให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู (ป.บัณฑิต) ขณะนี้คุรุสภากำลังดำเนินการกำหนดเกณฑ์ที่จะให้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางการศึกษาหรือบัณฑิตศึกษา (ใช้เวลาเรียนไม่ต่ำกว่า 2 ปี มีวุฒิเทียบเท่าปริญญาโท ทำนองเดียวกับเนติบัณฑิต)ตามหลักสูตรที่ครอบคลุมเกณฑ์กำหนดของคุรุสภา ทำให้การดำเนินงานโครงการ สควค. ระยะที่ 3 มีความจำเป็นต้องปรับรูปแบบของโครงการฯ เพื่อให้สอดคล้องกับเกณฑ์และเงื่อนไขของการได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูจากคุรุสภาตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป

2. คณะกรรมการกำหนดนโยบายการดำเนินงานพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้กำกับดูแลการดำเนินโครงการ สควค. ในการประชุมครั้งที่ 30/4/2553 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2553 มีมติให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นำเรื่อง การปรับรูปแบบโครงการ สควค. ระยะที่ 3 เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการปรับรูปแบบโครงการ สควค. ระยะที่ 3 ดังนี้

2.1 ปรับรูปแบบและจำนวนทุนการผลิตครู สควค. โดยปรับรูปแบบการผลิตครูจากเดิม เป็น การให้ทุนการศึกษาแก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ (วท.บ.) เพื่อศึกษาต่อหลักสูตรระดับปริญญาโททางการศึกษาตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และจะได้ใบประกอบวิชาชีพครูตามเกณฑ์ของคุรุสภาโดยอัตโนมัติ จำนวน 2 หลักสูตร โดยมีทุนการศึกษาจำนวนเท่าเดิม ปีละ 580 ทุน และแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

2.1.1 ทุนประเภทที่ 1 Premium จำนวนปีละ 400 ทุน เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโททางการศึกษาหรือหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นการสร้างครูเพื่อสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ในโรงเรียนสังกัด สพฐ. เป็นลำดับแรก

2.1.2 ทุนประเภทที่ 2 Super Premium จำนวนปีละ 180 ทุน เพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโททางการศึกษาหรือหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นการสร้างครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อในการสอน ผู้รับทุนกลุ่มนี้จะได้รับการบรรจุให้สอนในโรงเรียนมาตรฐานสาก 500 โรงเรียน หรือในโรงเรียนของ สพฐ. ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสอน (English Program : EP) เป็นลำดับแรก

3. ประมาณการค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานปี 2555 — 2564 รวมทั้งสิ้น 4,388.594 ล้านบาท แบ่งเป็นงบ ทุนการศึกษา 3,933.144 ล้านบาท และงบดำเนินการ 455.450 ล้านบาท

4. ผลที่จะได้รับ

4.1 ทำให้ผู้มีศักยภาพสูงเยี่ยมสนใจสมัครเข้ารับทุนโครงการ สควค. เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้มีครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ที่ดีและเก่ง มีศักยภาพสูง สำหรับจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพสูงเยี่ยม ทำให้คุณภาพการศึกษาในภาพรวม (เมื่อเทียบกับนานาชาติ) ของเยาวชนไทยด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อยู่ในระดับที่ดีและสูงขึ้น

4.2 มีครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่มีศักยภาพสูง สามารถใช้ภาษาอังกฤษในการจัดการเรียนการสอนให้แก่เยาวชนไทยในโรเงรียนมาตรฐานสากลของ สพฐ. ซึ่งจะตอบสนองและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐที่พยายามผลักดันให้เด็กและเยาวชนรุ่นใหม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีเสมือนเป็นภาษาของตนเอง

4.3 ลดปัญหาการขาดแคลนครูสอนวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนของ สพฐ. ที่จัดห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์และโรงเรียนที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสอน (English Program : EP)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ