คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงแรงงานรายงานว่า พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ได้เริ่มใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยเป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองบุคคลที่กำลังหางานทำ ต่อมามีการประกอบธุรกิจจัดหางานให้บุคคลที่หางานทำในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่สามารถคุ้มครองบุคคลที่หางานทำได้อย่างเพียงพอ จึงได้ยกเลิกพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยได้จัดทำเป็นพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ต่อมาก็ได้มีการแก้ไขในปี 2537 และ 2544 รวม 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตได้อย่างเพียงพอ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมคำนิยามคำว่า “ใบอนุญาต” และ “ลูกจ้างต่างด้าว” (ร่างมาตรา 3)
2. ยกเลิกบทบัญญัติในหมวดการจัดหางานในประเทศซึ่งใช้บังคับร่วมกับการจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศและบทบัญญัติบางมาตราในหมวดการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ โดยนำมาบัญญัติไว้ในหมวดเดียวกัน (ร่างมาตรา 4)
3. เพิ่มเติมหมวดเกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตโดยนำหลักการของบทบัญญัติที่ยกเลิกในข้อ 2มากำหนดเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับร่วมกันของการจัดหางานในประเทศ และการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งการจัดหาลูกจ้างต่างด้าวให้นายจ้างในประเทศ (ร่างมาตรา 5)
4. เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการควบคุมการประกอบธุรกิจจัดหาลูกจ้างต่างด้าวให้นายจ้างในประเทศ (ร่างมาตรา 8)
5. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เพื่อดำเนินการฟ้องคดีหรือแก้ต่างคดีให้แก่คนงานหรือทายาทโดยธรรมของคนหางานซึ่งถึงแก่ความตาย (ร่างมาตรา 9)
6. กำหนดให้อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ร่างมาตรา 11)
7. กำหนดให้คดีที่คนหางานจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลต่อผู้รับอนุญาตอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน (ร่างมาตรา 12)
8. การเพิกถอนใบอนุญาตไม่กระทบต่อคนหางานที่ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกและเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งนายทะเบียนได้อนุญาตให้ผู้รับอนุญาตจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศแล้วก่อนมีคำสั่งเพิกถอน (ร่างมาตรา 14)
9. ปรับแก้ไขระบบการอุทธรณ์คำสั่งให้เป็นเอกภาพในกฎหมายฉบับเดียวกัน (ร่างมาตรา 15)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--
กระทรวงแรงงานรายงานว่า พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 ได้เริ่มใช้บังคับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยเป็นกฎหมายที่ให้ความคุ้มครองบุคคลที่กำลังหางานทำ ต่อมามีการประกอบธุรกิจจัดหางานให้บุคคลที่หางานทำในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น และพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่สามารถคุ้มครองบุคคลที่หางานทำได้อย่างเพียงพอ จึงได้ยกเลิกพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยได้จัดทำเป็นพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ต่อมาก็ได้มีการแก้ไขในปี 2537 และ 2544 รวม 2 ครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของภาคการผลิตได้อย่างเพียงพอ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมคำนิยามคำว่า “ใบอนุญาต” และ “ลูกจ้างต่างด้าว” (ร่างมาตรา 3)
2. ยกเลิกบทบัญญัติในหมวดการจัดหางานในประเทศซึ่งใช้บังคับร่วมกับการจัดหางานให้คนงานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศและบทบัญญัติบางมาตราในหมวดการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ โดยนำมาบัญญัติไว้ในหมวดเดียวกัน (ร่างมาตรา 4)
3. เพิ่มเติมหมวดเกี่ยวกับการขออนุญาตและการอนุญาตโดยนำหลักการของบทบัญญัติที่ยกเลิกในข้อ 2มากำหนดเป็นบทบัญญัติที่ใช้บังคับร่วมกันของการจัดหางานในประเทศ และการจัดหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ รวมทั้งการจัดหาลูกจ้างต่างด้าวให้นายจ้างในประเทศ (ร่างมาตรา 5)
4. เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการควบคุมการประกอบธุรกิจจัดหาลูกจ้างต่างด้าวให้นายจ้างในประเทศ (ร่างมาตรา 8)
5. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งมีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางนิติศาสตร์ เพื่อดำเนินการฟ้องคดีหรือแก้ต่างคดีให้แก่คนงานหรือทายาทโดยธรรมของคนหางานซึ่งถึงแก่ความตาย (ร่างมาตรา 9)
6. กำหนดให้อธิบดี หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ร่างมาตรา 11)
7. กำหนดให้คดีที่คนหางานจะต้องใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลต่อผู้รับอนุญาตอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลแรงงาน (ร่างมาตรา 12)
8. การเพิกถอนใบอนุญาตไม่กระทบต่อคนหางานที่ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกและเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งนายทะเบียนได้อนุญาตให้ผู้รับอนุญาตจัดส่งคนหางานไปทำงานในต่างประเทศแล้วก่อนมีคำสั่งเพิกถอน (ร่างมาตรา 14)
9. ปรับแก้ไขระบบการอุทธรณ์คำสั่งให้เป็นเอกภาพในกฎหมายฉบับเดียวกัน (ร่างมาตรา 15)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 พฤษภาคม 2550--จบ--