ขออนุมัติร่างอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 23, 2011 14:40 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ขออนุมัติร่างอำนาจหน้าที่และองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคี

ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลยูเครน

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอดังนี้

1. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลยูเครน และให้ กต. แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบต่อไป

2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน

สาระสำคัญของเรื่อง

กต. รายงานว่า

1. ไทยกับยูเครนได้ลงนามในความตกลงฯ เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2545 ซึ่งกำหนดให้การประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีขึ้นปีละครั้งหรือมีขึ้นตามคำร้องของภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ประเทศไทยหรือยูเครน

2. การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ เป็นกลไกสำคัญในการกระชับและส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครน และเป็นโอกาสที่จะได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายสนใจและมีศักยภาพ เพื่อผลักดันให้ความร่วมมือในสาขาดังกล่าวมีผลที่เป็นรูปธรรม

3. ยูเครนเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง ส่งออกเหล็กอันดับ 7 ของโลก มีเมืองท่า Odessa ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในกลุ่มเอกราช (Commonwealth of Independent State-CIS) และศูนย์กลางการเดินเรือหลักในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้และคาบสมุทรบอลข่าน ยูเครนเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในกลุ่ม CIS รองจากรัสเซีย และเป็นตลาดใหม่ ที่น่าสนใจสำหรับไทยในการส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค ในปี 2552 การค้ารวมระหว่างไทยกับยูเครนมีมูลค่า 385.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยนำเข้าเหล็กจากยูเครนร้อยละ 4.35 ของการนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ ซึ่งเหล็กมีสัดส่วนถึงร้อยละ 83.24 ของมูลค่าสินค้านำเข้าจากยูเครน ในขณะที่การส่งออกของไทยมีมูลค่าเพียงร้อยละ 13.81 ของมูลค่าการค้ารวม การส่งออกสินค้าไทยไปยูเครนจึงมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

4. ไทยกับยูเครนได้กำหนดจัดการประชุมฯ ตั้งแต่ปี 2546 แต่ด้วยเหตุสุดวิสัยและเวลาที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายทำให้ยังไม่เคยจัดการประชุมจนถึงปัจจุบัน กต. จึงเห็นว่าการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ 1 จึงควรจะมีขึ้นในโอกาสแรกเพื่อกำหนดสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกันให้ชัดเจน

5. เมื่อเดือนสิงหาคม 2553 กต. และสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยได้เห็นพ้องในหลักการให้จัดการประชุมฯ ครั้งที่ 1 ที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554

6. โดยที่ประชุมฯ เป็นกลไกการดำเนินนโยบายและส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครนที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน จึงมีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เพื่อความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับยูเครน ทั้งนี้ กต. ได้ตรวจสอบว่า ผู้แทนหน่วยงานภาคเอกชนที่อยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมาธิการร่วมฯ ฝ่ายไทย มิได้ดำรงตำแหน่งอื่นๆ ที่มีลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งคณะกรรมาธิการตามมติของคณะรัฐมนตรี (11 มีนาคม 2551 , 13 มกราคม 2552)

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ