คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รายงานสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูแล้งปี 2550 ครั้งที่ 9 สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์น้ำ
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 46,621 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (44,001 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 2,620 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 8,859 และ 5,919 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 66 และ 62 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกัน จำนวน 14,778 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ มีทั้งหมด 8 อ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ อ่างเก็บน้ำเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี
อ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง อ่างเก็บน้ำเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา อ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี มีปริมาตรน้ำคิดเป็นร้อยละ 28 30 33 25 22 35 38และ 38 ตามลำดับ ซึ่งปริมาณน้ำมีเพียงพอสำหรับในช่วงฤดูแล้งนี้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่า อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำโขง และแม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 25 เมษายน 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550) ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 23 เมษายน 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 15.38 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 12.66 ล้านไร่ มากกว่าเป้าหมายคิดเป็นร้อยละ 28 (ในเขตชลประทาน 9.18 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 3.48 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.72 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 96 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.80 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.92 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 26 เมษายน 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 26 เมษายน 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก พิจิตร แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา
เกษตรกร 17,332 ราย พื้นที่ประสบภัย 170,640 ไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 131,490 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 34,643 ไร่ พืชไร่ 78,773 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 18,074 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดเชียงราย ตาก ลำปาง และบุรีรัมย์ จำนวน 21,501 ไร่โดยจังหวัดลำปางใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 170,226 บาท
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง 26 เมษายน 2550 ได้รับรายงานสัตว์ได้รับผลกระทบ จำนวน 22 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา พิจิตรพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น มุกดาหาร บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู ชัยนาท ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชุมพร ตรัง และนราธิวาส
เกษตรกร 26,242 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 1,167,306 ตัว แยกเป็น โค-กระบือ 184,357 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 44,475ตัว และสัตว์ปีก 938,474 ตัว โดยจังหวัดปราจีนบุรีใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 768,900 บาท
ด้านประมง ช่วงภัยระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2550 ถึง 28 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ คือ จังหวัดเลย และเชียงใหม่ เกษตรกร 11 รายประสบภัย 27 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 622 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศแล้ว 18,473 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 766 เครื่อง ในพื้นที่ 57 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 699 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 67 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำช่วยเหลือ 7,820 เที่ยว คิดเป็น 43.64 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 9 หน่วย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุบลราชธานี อุดรธานี ระยอง อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และฐานเติมสารฝนหลวงจำนวน 4 ฐาน ได้แก่ จังหวัดตาก นครราชสีมา จันทบุรี และสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 38 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก ลำปาง ลำพูน น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาทกาญจนบุรี ยโสธร หนองคาย มหาสารคาม เลย ร้อยเอ็ด อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ชลบุรี สระแก้ว ตราด ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี สตูล นครศรีธรรมราช และสงขลา
- ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-26 เมษายน 2550 ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 1,369 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 67 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ตาก แม่ฮ่องสอนลำพูน ลำปาง พิจิตร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร น่าน ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี สิงห์บุรี นครพนม ขอนแก่น เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อุดรธานี หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร ยโสธร มหาสารคาม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครราชสีมา ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ปัตตานี ภูเก็ต ตรัง กระบี่ สตูล สงขลา ชุมพร นราธิวาส พัทลุง ยะลา
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 472,034 กิโลกรัม (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 50,190 กิโลกรัม) แร่ธาตุ 126 ก้อน ดูแลสุขภาพสัตว์ 23,500 ตัว (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 244 ตัว)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 พฤษภาคม 2550--จบ--
สถานการณ์น้ำ
1. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 46,621 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด มากกว่าปี 2549 (44,001 ล้านลูกบาศก์เมตร) จำนวน 2,620 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 4 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำภูมิพลและอ่างเก็บน้ำสิริกิติ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯทั้งหมด 8,859 และ 5,919 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ คิดเป็นร้อยละ 66 และ 62 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯรวมกัน จำนวน 14,778 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาตรน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยกว่าร้อยละ 40 ของความจุอ่างฯ มีทั้งหมด 8 อ่างฯ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ อ่างเก็บน้ำเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี
อ่างเก็บน้ำเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก อ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวง จังหวัดเชียงใหม่ อ่างเก็บน้ำเขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง อ่างเก็บน้ำเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่างเก็บน้ำเขื่อนคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา อ่างเก็บน้ำเขื่อนห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี มีปริมาตรน้ำคิดเป็นร้อยละ 28 30 33 25 22 35 38และ 38 ตามลำดับ ซึ่งปริมาณน้ำมีเพียงพอสำหรับในช่วงฤดูแล้งนี้ และไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง แม่น้ำวัง แม่น้ำน่าน และแม่น้ำเจ้าพระยา สภาพน้ำท่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
แม่น้ำยม สภาพน้ำท่า อยู่ในเกณฑ์น้อย
แม่น้ำโขง และแม่น้ำมูล สภาพน้ำนอนคลอง
3. คุณภาพน้ำ
สภาพความเค็มในแม่น้ำสายหลัก ณ จุดเฝ้าระวังของแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำนครนายก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ณ วันที่ 25 เมษายน 2550 (เกณฑ์ค่าความเค็ม น้ำเพื่อการเกษตร ไม่เกิน 2.0 กรัม/ลิตร)
การเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2549 — 30 เมษายน 2550) ผลการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 23 เมษายน 2550 มีพื้นที่ปลูกทั้งประเทศ จำนวน 15.38 ล้านไร่ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 12.66 ล้านไร่ มากกว่าเป้าหมายคิดเป็นร้อยละ 28 (ในเขตชลประทาน 9.18 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 3.48 ล้านไร่) และพืชไร่-พืชผัก จำนวน 2.72 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 96 ของเป้าหมาย (ในเขตชลประทาน 0.80 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.92 ล้านไร่)
พื้นที่การเกษตรประสบภัยแล้ง ณ วันที่ 26 เมษายน 2550
ด้านพืช ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 ถึง 26 เมษายน 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ประสบภัยแล้ง จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก พิจิตร แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองคาย หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา
เกษตรกร 17,332 ราย พื้นที่ประสบภัย 170,640 ไร่ พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 131,490 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 34,643 ไร่ พืชไร่ 78,773 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 18,074 ไร่
พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่จังหวัดเชียงราย ตาก ลำปาง และบุรีรัมย์ จำนวน 21,501 ไร่โดยจังหวัดลำปางใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 170,226 บาท
ด้านปศุสัตว์ ช่วงภัยระหว่างวันที่ 15 ธันวาคม 2549 ถึง 26 เมษายน 2550 ได้รับรายงานสัตว์ได้รับผลกระทบ จำนวน 22 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ลำปาง ลำพูน น่าน พะเยา พิจิตรพิษณุโลก เพชรบูรณ์ ขอนแก่น มุกดาหาร บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู ชัยนาท ปราจีนบุรี สระแก้ว เพชรบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชุมพร ตรัง และนราธิวาส
เกษตรกร 26,242 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 1,167,306 ตัว แยกเป็น โค-กระบือ 184,357 ตัว สุกร-แพะ-แกะ 44,475ตัว และสัตว์ปีก 938,474 ตัว โดยจังหวัดปราจีนบุรีใช้เงินทดรองราชการของจังหวัดช่วยเหลือแล้วจำนวน 768,900 บาท
ด้านประมง ช่วงภัยระหว่างวันที่ 19 มีนาคม 2550 ถึง 28 มีนาคม 2550 ได้รับรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ 2 จังหวัด เนื่องจากปริมาณออกซิเจนในน้ำต่ำ คือ จังหวัดเลย และเชียงใหม่ เกษตรกร 11 รายประสบภัย 27 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 622 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การจัดสรรน้ำเพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ณ วันที่ 27 เมษายน 2550 ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศแล้ว 18,473 ล้านลูกบาศก์เมตร
2. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
- เครื่องสูบน้ำ จำนวน 766 เครื่อง ในพื้นที่ 57 จังหวัด (เพื่อการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง จำนวน 699 เครื่อง และเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 67 เครื่อง)
- รถยนต์บรรทุกน้ำ ขนส่งน้ำช่วยเหลือ 7,820 เที่ยว คิดเป็น 43.64 ล้านลิตร
3. การปฏิบัติการฝนหลวง
- จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2550 จำนวน 9 หน่วย ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ อุบลราชธานี อุดรธานี ระยอง อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และฐานเติมสารฝนหลวงจำนวน 4 ฐาน ได้แก่ จังหวัดตาก นครราชสีมา จันทบุรี และสระแก้ว
- เน้นปฏิบัติการฝนหลวงบริเวณจังหวัดต่างๆ ที่มีผู้ขอรับบริการฝนหลวงในช่วงฤดูแล้ง จำนวน 38 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย ตาก ลำปาง ลำพูน น่าน พิจิตร อุตรดิตถ์ ลพบุรี อุทัยธานี ชัยนาทกาญจนบุรี ยโสธร หนองคาย มหาสารคาม เลย ร้อยเอ็ด อุดรธานี นครราชสีมา อุบลราชธานี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ชลบุรี สระแก้ว ตราด ปราจีนบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี สตูล นครศรีธรรมราช และสงขลา
- ผลการปฏิบัติการ ระหว่างวันที่ 12 กุมภาพันธ์-26 เมษายน 2550 ขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงจำนวน 1,369 เที่ยวบิน มีฝนตกในพื้นที่ 67 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ตาก แม่ฮ่องสอนลำพูน ลำปาง พิจิตร เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก กำแพงเพชร น่าน ชัยนาท สุพรรณบุรี นครสวรรค์ กรุงเทพฯ อุทัยธานี ลพบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ปทุมธานี สิงห์บุรี นครพนม ขอนแก่น เลย มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อุดรธานี หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนคร ยโสธร มหาสารคาม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ นครราชสีมา ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ปราจีนบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี ระนอง นครศรีธรรมราช พังงา ปัตตานี ภูเก็ต ตรัง กระบี่ สตูล สงขลา ชุมพร นราธิวาส พัทลุง ยะลา
4. การสนับสนุนเสบียงสัตว์ สนับสนุนพืชอาหารสัตว์ 472,034 กิโลกรัม (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 50,190 กิโลกรัม) แร่ธาตุ 126 ก้อน ดูแลสุขภาพสัตว์ 23,500 ตัว (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 244 ตัว)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 พฤษภาคม 2550--จบ--