คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการการจัดงานทำบุญเพื่อความสมานฉันท์ของประชาชนทุกศาสนาตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีให้จัดงานทำบุญเพื่อความสมานฉันท์ของประชาชนทุกศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ซึ่งได้เคยกราบเรียนรายละเอียดเบื้องต้นต่อคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เคยประชุมเตรียมการไว้แล้วนั้น บัดนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้จัดประชุมต่อเนื่องโดยหารือกับผู้แทนทุกศาสนา กรุงเทพมหานคร และผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 พบว่าการจัดงานตามที่เตรียมการไว้มีข้อขัดข้องบางประการ เช่น ไม่อาจใช้สถานที่ ณ ท้องสนามหลวง ในวันที่ 10 เมษายนได้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครต้องใช้สถานที่จัดงานสงกรานต์ จึงขอเปลี่ยนมาใช้สถานที่ ณ ลานพระราชวังดุสิต และชื่องานตามที่กำหนดไว้แต่เดิมยังไม่เหมาะสม จึงขอกำหนดรายละเอียดใหม่ ตามรายละเอียดดังนี้
1. ชื่องาน คณะผู้แทนทุกศาสนาเห็นควรให้ใช้ชื่องานว่า “งานศาสนสัมพันธ์ สมานฉันท์
แห่งชาติ”
2. วัตถุประสงค์ เพื่อความสมานฉันท์พร้อมเพรียงทุกศาสนาในการบำเพ็ญกุศลเพื่อความเป็น
สิริมงคลของชาติร่วมกัน
3. กำหนดวันจัดงาน วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548
4. สถานที่ กรุงเทพมหานคร - วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ลานพระราชวังดุสิต
ต่างจังหวัด - สถานที่ซึ่งทางจังหวัดและอำเภอกำหนด
กำหนดการโดยย่อในกรุงเทพมหานคร
เวลาเช้า - ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 108 รูป ณ ลานพระราชวังดุสิต
เวลาสาย - แต่ละศาสนาจัดพิธีกรรมทางศาสนาของตนตามความเหมาะสม
เวลาเย็น - พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ประชาชนร่วมสวดมนต์เพื่อความสามัคคี ความเป็นสิริมงคลของชาติ
เวลาพลบค่ำ - จัดชุมนุมศาสนิกชน ณ พลับพลาบริเวณลานพระราชวังดุสิต แยกตามศาสนา มีพิธีสวดมนต์ขอพรตามความเชื่อทางศาสนา ๆ ละไม่เกิน 15 นาที ส่วนศาสนาอิสลามทำพิธีละหมาดเวลา 18.33 น. เป็นต้นไป แต่ละพลับพลามีผู้แทนภาครัฐเป็นประธานประจำพลับพลา
- จบแล้ว นายกรัฐมนตรีถวายและมอบของที่ระลึกแก่ผู้นำทางศาสนา ผู้นำทางศาสนามอบคัมภีร์ทางศาสนาหรือของที่ระลึกแก่นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีกล่าวสัมโมทนียกถาแก่ประชาชน ทั่วประเทศ แล้วเชิญชวนจุดประทีป และร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นอันจบภาคพิธีการ
- หลังจากนั้นเป็นงานธรรมะบันเทิงได้เวลาเป็นอันปิดงาน
ต่างจังหวัด
- อนุโลมทำนองเดียวกัน มีการถ่ายทอดสด ออกอากาศทางโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจ ในช่วงเย็น จนเสร็จพิธี (ประมาณสองชั่วโมง) และตัดภาพไปยังพิธีต่างจังหวัดที่เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และยะลา โดยจัดผลัดเวรให้รัฐมนตรีอยู่ทำพิธีร่วมกับประชาชนในจังหวัดนั้น ๆ ด้วย สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ จะได้ตั้งคณะทำงานร่วมทุกศาสนาดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยในส่วนของพิธีการ งบประมาณ การรักษาความปลอดภัย การจัดสถานที่ และการประชาสัมพันธ์ โดยมีกรมการศาสนาและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นฝ่ายเลขานุการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 มีนาคม 2548--จบ--
รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่าตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีให้จัดงานทำบุญเพื่อความสมานฉันท์ของประชาชนทุกศาสนา และเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ซึ่งได้เคยกราบเรียนรายละเอียดเบื้องต้นต่อคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2548 ตามที่รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้เคยประชุมเตรียมการไว้แล้วนั้น บัดนี้ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้จัดประชุมต่อเนื่องโดยหารือกับผู้แทนทุกศาสนา กรุงเทพมหานคร และผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2548 พบว่าการจัดงานตามที่เตรียมการไว้มีข้อขัดข้องบางประการ เช่น ไม่อาจใช้สถานที่ ณ ท้องสนามหลวง ในวันที่ 10 เมษายนได้ เนื่องจากกรุงเทพมหานครต้องใช้สถานที่จัดงานสงกรานต์ จึงขอเปลี่ยนมาใช้สถานที่ ณ ลานพระราชวังดุสิต และชื่องานตามที่กำหนดไว้แต่เดิมยังไม่เหมาะสม จึงขอกำหนดรายละเอียดใหม่ ตามรายละเอียดดังนี้
1. ชื่องาน คณะผู้แทนทุกศาสนาเห็นควรให้ใช้ชื่องานว่า “งานศาสนสัมพันธ์ สมานฉันท์
แห่งชาติ”
2. วัตถุประสงค์ เพื่อความสมานฉันท์พร้อมเพรียงทุกศาสนาในการบำเพ็ญกุศลเพื่อความเป็น
สิริมงคลของชาติร่วมกัน
3. กำหนดวันจัดงาน วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2548
4. สถานที่ กรุงเทพมหานคร - วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ลานพระราชวังดุสิต
ต่างจังหวัด - สถานที่ซึ่งทางจังหวัดและอำเภอกำหนด
กำหนดการโดยย่อในกรุงเทพมหานคร
เวลาเช้า - ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 108 รูป ณ ลานพระราชวังดุสิต
เวลาสาย - แต่ละศาสนาจัดพิธีกรรมทางศาสนาของตนตามความเหมาะสม
เวลาเย็น - พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์ในพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ประชาชนร่วมสวดมนต์เพื่อความสามัคคี ความเป็นสิริมงคลของชาติ
เวลาพลบค่ำ - จัดชุมนุมศาสนิกชน ณ พลับพลาบริเวณลานพระราชวังดุสิต แยกตามศาสนา มีพิธีสวดมนต์ขอพรตามความเชื่อทางศาสนา ๆ ละไม่เกิน 15 นาที ส่วนศาสนาอิสลามทำพิธีละหมาดเวลา 18.33 น. เป็นต้นไป แต่ละพลับพลามีผู้แทนภาครัฐเป็นประธานประจำพลับพลา
- จบแล้ว นายกรัฐมนตรีถวายและมอบของที่ระลึกแก่ผู้นำทางศาสนา ผู้นำทางศาสนามอบคัมภีร์ทางศาสนาหรือของที่ระลึกแก่นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีกล่าวสัมโมทนียกถาแก่ประชาชน ทั่วประเทศ แล้วเชิญชวนจุดประทีป และร่วมร้องเพลงสดุดีมหาราชา และเพลงสรรเสริญพระบารมีเป็นอันจบภาคพิธีการ
- หลังจากนั้นเป็นงานธรรมะบันเทิงได้เวลาเป็นอันปิดงาน
ต่างจังหวัด
- อนุโลมทำนองเดียวกัน มีการถ่ายทอดสด ออกอากาศทางโทรทัศน์ รวมการเฉพาะกิจ ในช่วงเย็น จนเสร็จพิธี (ประมาณสองชั่วโมง) และตัดภาพไปยังพิธีต่างจังหวัดที่เชียงใหม่ ขอนแก่น อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี และยะลา โดยจัดผลัดเวรให้รัฐมนตรีอยู่ทำพิธีร่วมกับประชาชนในจังหวัดนั้น ๆ ด้วย สำหรับรายละเอียดอื่น ๆ จะได้ตั้งคณะทำงานร่วมทุกศาสนาดำเนินการให้เป็นที่เรียบร้อยในส่วนของพิธีการ งบประมาณ การรักษาความปลอดภัย การจัดสถานที่ และการประชาสัมพันธ์ โดยมีกรมการศาสนาและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นฝ่ายเลขานุการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 มีนาคม 2548--จบ--