คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการกำหนดโควตาและวงเงินงบประมาณในการเลื่อนเงินเดือนให้แก่ข้าราชการตำรวจที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
1. ให้เริ่มมีผลใช้บังคับในการเลื่อนขั้นเงินเดือนตามข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ที่ให้มีโควตาการเลื่อนขั้นเงินเดือนหนึ่งขั้น หรือเลื่อนเงินเดือนรวมทั้งปีสองขั้นสำหรับผู้มีผลงานและผลสัมฤทธิ์ดีเด่นไม่เกินร้อยละ 30 ของจำนวนข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่ครั้งวันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากมิได้มีการตั้งงบประมาณรองรับเพื่อการนี้สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับวงรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
2. กรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือนร้อยละ 6 จะต้องครอบคลุมการเลื่อนขั้นเงินเดือนและรายจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ (กรณีผู้ที่เงินเดือนถึงขั้นสูง) ทั้ง 2 ครั้ง คือ ครั้งวันที่ 1 เมษายน และวันที่ 1 ตุลาคม เนื่องจากปัจจุบันการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในครั้งวันที่ 1 เมษายน ยังไม่ถูกรวมอยู่ในกรอบวงเงินการเลื่อนขั้นเงินเดือนร้อยละ 6 (รวมเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษในครั้งวันที่ 1 ตุลาคม) ซึ่งต่างจากระบบการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญที่กำหนดให้การเลื่อนเงินเดือนและ การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษ (กรณีผู้ที่เงินเดือนถึงขั้นสูง) สำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนในครึ่งปีแรก (วันที่ 1 เมษายน) และครึ่งปีหลัง (วันที่ 1 ตุลาคม) จะต้องอยู่ภายใต้กรอบวงเงินการเลื่อนเงินเดือนร้อยละ 3 ของเงินเดือนที่จ่ายให้ข้าราชการ ณ วันที่ 1 มีนาคม และ 1 กันยายน ตามลำดับ
ทั้งนี้ ให้มีผลครอบคลุมถึงข้าราชการทหารเพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำสำหรับข้าราชการที่เลื่อนขั้นเงินเดือนในระบบโดยใช้หลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกัน (ใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 12 ล้านบาท/เดือน) ทั้งนี้ กรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนไปใช้หลักการกำหนดขั้นต่ำขั้นสูงเป็นช่วงและนำระบบการเลื่อนเงินเดือนเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนสามัญมาปรับใช้เช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะเลื่อนเงินเดือนในระบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 กรณีนี้ จึงไม่ต้องมีผลใช้บังคับกับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งเปลี่ยนไปใช้ระบบการเลื่อนเงินเดือนใหม่ในโอกาสต่อไปแล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มีนาคม 2554--จบ--