คณะรัฐมนตรีอนุมัติทั้ง 3 ข้อตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. ....
2. ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ในส่วนราชการที่คณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้ได้รับค่าตอบแทนหรือเงินสมนาคุณเป็นรายเดือนแทนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 โดยให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนตาม ร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... แทน
3. เห็นชอบอัตราวงเงินเบี้ยประชุมขั้นต่ำและสูงเพื่อกระทรวงการคลังประกาศกำหนดโดยเบี้ยประชุมรายครั้ง อัตราครั้งละ 800 บาทถึง 3,000 บาท สำหรับเบี้ยประชุมรายเดือนเห็นชอบให้คงอัตราเดิม คือ อัตราเดือนละ 3,000 บาท ถึง 20,000 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2547
และให้ส่งร่างพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. .... ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ข้อเท็จจริง
กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอว่า เนื่องจากคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งโดยคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ที่ผ่านมาบางคณะมีหน้าที่ความรับผิดชอบสูง และปฏิบัติงานในด้านการกำหนดนโยบายอันมีผลกระทบต่อการบริหารเศรษฐกิจหรือสังคมในภาพรวมของประเทศ จึงเห็นควรอนุมัติค่าตอบแทนหรือเงินสมนาคุณเป็นรายเดือนแทนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุม เพื่อให้การกำหนดอัตราเบี้ยประชุมเป็นเอกภาพและเป็นไปในแนวทางการพิจารณาเดียวกัน ประกอบกับหลักเกณฑ์บางกรณีไม่สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการ บางประเด็นมิได้มีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดปัญหาในการตีความและวิธีปฏิบัติ ตลอดจนเพื่อให้แนวทางปฏิบัติของส่วนราชการเป็นไปในแนวทางเดียวกัน สมควรปรับปรุงแก้ไขพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 ให้ชัดเจนเหมาะสมยิ่งขึ้น
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ. 2547 และพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 (ร่างมาตรา 3)
2. กำหนดให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับกรรมการในคณะกรรมการซึ่งได้รับแต่งตั้งตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือโดยประกาศพระบรมราชโองการ หรือโดยคณะรัฐมนตรี หรือโดยรัฐมนตรีเจ้าสังกัดซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบสูง ปฏิบัติงานในด้านการกำหนดนโยบายอันมีผลกระทบต่อการบริหาร เศรษฐกิจ สังคมในภาพรวมของประเทศหรือเกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลภาครัฐ ทั้งนี้ ตามรายชื่อคณะกรรมการและอัตราเบี้ยประชุมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 6)
3. กำหนดให้อนุกรรมการได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายเดือน สำหรับอนุกรรมการในคณะอนุกรรมการของคณะกรรมการตามข้อ 2. ตามรายชื่อคณะอนุกรรมการและอัตราเบี้ยประชุมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด (ร่างมาตรา 7)
4. กำหนดให้เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการให้ได้รับเบี้ยประชุมเป็นรายครั้งตามอัตราเบี้ยประชุมที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด โดยให้เลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินหนึ่งคน เว้นแต่ บทบัญญัติของกฎหมาย หรือประกาศพระบรมราชโองการหรือคำสั่งที่จัดให้มีคณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามพระราชกฤษฎีกานี้กำหนดให้มีเลขานุการมากกว่าหนึ่งคน ให้เลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน และผู้ช่วยเลขานุการมีสิทธิได้รับเบี้ยประชุมไม่เกินสองคน (ร่างมาตรา 14)
5. กำหนดให้ กค. แต่งตั้งคณะกรรมการโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ความเห็นต่อ กค. ในการประกาศกำหนดรายชื่อคณะกรรมการและรายชื่อคณะอนุกรรมการ และอัตราเบี้ยประชุมเป็นรายเดือนและเป็นรายครั้งสำหรับกรรมการ อนุกรรมการ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ (ร่างมาตรา 16)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 มีนาคม 2554--จบ--