คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ร่วมกับรัฐมนตรีที่ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง แล้วจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้
ร่างที่ปรับปรุงใหม่ หมายเหตุ
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” - เดิมบทนิยามคำว่า “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความ
“(1) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือ ผิด” หมายความว่า (1) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการ
ความผิดฐานฟอกเงินหรือจากการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำ กระทำ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือจากการสนับสนุนหรือ
ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และให้รวมถึงเงินหรือ ช่วยเหลือการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน
ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้หรือสนับสนุนการกระทำความผิดมูลฐานด้วย
(ร่างมาตรา 4/1 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามในมาตรา 3)
2. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณา - เพิ่มเติมขึ้นใหม่
หรือผู้สนับสนุนตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำผิด
(ร่างมาตรา 8/1 แก้ไขเพิ่มเติมเป็นมาตรา 11 วรรคสอง)
3. แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน - เดิม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานคณะกรรมการ พ.ศ. 2542 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปลัดกระทรวงยุติธรรมและ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และรัฐมนตรี
ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน (ร่างมาตรา 10 แก้ไข ว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ
เพิ่มมาตรา 24)
4. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการธุรกรรมโดยให้มี - เดิมกำหนดให้มีคณะกรรมการธุรกรรมคณะหนึ่ง ประกอบ
คณะกรรมการธุรกรรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย เลขาธิการเป็นประธาน ด้วย เลขาธิการเป็นประธานกรรมการและผู้ซึ่งคณะ
กรรมการ และผู้ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแต่งตั้งจำนวน
แต่งตั้งจากบุคคลที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม คณะกรรมการ สี่คนเป็นกรรมการ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสองปี
ตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการ และไม่กำหนดข้อห้ามการดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกัน
อัยการเสนอชื่อหน่วยงานละสองคนส่งให้คณะกรรมการคัดเลือกเหลือ
หน่วยงานละหนึ่งคนรวมเป็นสี่คนเป็นกรรมการธุรกรรม โดยมีวาระ
การดำรงตำแหน่งคราวละสามปี และต้องไม่ดำรงตำแหน่งสองวาระ
ติดกัน (ร่างมาตรา 10/1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 32)
5. แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนการป้องกันและ - เพิ่มเติมขึ้นใหม่ โดยอธิบายวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง
ปราบปรามการฟอกเงิน (ร่างมาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 59/7) กองทุนมีความชัดเจนขึ้น
6. กำหนดให้คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง - เพิ่มเติมขึ้นใหม่ เพื่อให้มีการใช้จ่ายอย่างรัดกุมรอบคอบ
มีอำนาจกำหนดระเบียบค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทน ซึ่งจำเป็นต้องจ่าย ยิ่งขึ้น
แก่หน่วยงานภายนอก พนักงานเจ้าหน้าที่ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่
ในการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 59/7)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ร่วมกับรัฐมนตรีที่ให้ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตลอดจนผู้เกี่ยวข้อง แล้วจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่ผ่านการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ดังนี้
ร่างที่ปรับปรุงใหม่ หมายเหตุ
1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” - เดิมบทนิยามคำว่า “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความ
“(1) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือ ผิด” หมายความว่า (1) เงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการ
ความผิดฐานฟอกเงินหรือจากการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำ กระทำ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือจากการสนับสนุนหรือ
ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงิน และให้รวมถึงเงินหรือ ช่วยเหลือการกระทำซึ่งเป็นความผิดมูลฐาน
ทรัพย์สินที่มีไว้เพื่อใช้หรือสนับสนุนการกระทำความผิดมูลฐานด้วย
(ร่างมาตรา 4/1 แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามในมาตรา 3)
2. กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้โฆษณา - เพิ่มเติมขึ้นใหม่
หรือผู้สนับสนุนตามพระราชบัญญัตินี้ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำผิด
(ร่างมาตรา 8/1 แก้ไขเพิ่มเติมเป็นมาตรา 11 วรรคสอง)
3. แก้ไของค์ประกอบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน - เดิม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานคณะกรรมการ พ.ศ. 2542 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการ
ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ปลัดกระทรวงยุติธรรมและ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และรัฐมนตรี
ปลัดกระทรวงการคลังเป็นรองประธาน (ร่างมาตรา 10 แก้ไข ว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ
เพิ่มมาตรา 24)
4. แก้ไขเพิ่มเติมองค์ประกอบคณะกรรมการธุรกรรมโดยให้มี - เดิมกำหนดให้มีคณะกรรมการธุรกรรมคณะหนึ่ง ประกอบ
คณะกรรมการธุรกรรมคณะหนึ่ง ประกอบด้วย เลขาธิการเป็นประธาน ด้วย เลขาธิการเป็นประธานกรรมการและผู้ซึ่งคณะ
กรรมการ และผู้ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแต่งตั้งจำนวน
แต่งตั้งจากบุคคลที่คณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม คณะกรรมการ สี่คนเป็นกรรมการ มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสองปี
ตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการ และไม่กำหนดข้อห้ามการดำรงตำแหน่งสองวาระติดต่อกัน
อัยการเสนอชื่อหน่วยงานละสองคนส่งให้คณะกรรมการคัดเลือกเหลือ
หน่วยงานละหนึ่งคนรวมเป็นสี่คนเป็นกรรมการธุรกรรม โดยมีวาระ
การดำรงตำแหน่งคราวละสามปี และต้องไม่ดำรงตำแหน่งสองวาระ
ติดกัน (ร่างมาตรา 10/1 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 32)
5. แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนการป้องกันและ - เพิ่มเติมขึ้นใหม่ โดยอธิบายวัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง
ปราบปรามการฟอกเงิน (ร่างมาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 59/7) กองทุนมีความชัดเจนขึ้น
6. กำหนดให้คณะกรรมการโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง - เพิ่มเติมขึ้นใหม่ เพื่อให้มีการใช้จ่ายอย่างรัดกุมรอบคอบ
มีอำนาจกำหนดระเบียบค่าใช้จ่ายหรือค่าตอบแทน ซึ่งจำเป็นต้องจ่าย ยิ่งขึ้น
แก่หน่วยงานภายนอก พนักงานเจ้าหน้าที่ ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่
ในการปฏิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ตาม
พระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 18 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 59/7)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--