คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 15 มกราคม 2550 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ในเดือนมกราคม 2550 สภาพภูมิอากาศของประเทศอยู่ในช่วงฤดูแล้ง ยกเว้นพื้นที่บริเวณภาคใต้ที่เกิดฝนตกหนักใน วันที่ 6-8 มกราคม 2550 ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังระยะสั้น ๆ เนื่องจากการระบายน้ำไม่ทัน ปัจจุบันได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายปรากฏการณ์เอลนีโญจะมีกำลังแรงขึ้นต่อไปอีกและจะคงอยู่ไปจนสิ้นสุดฤดูร้อนปีนี้นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานสรุปรายละเอียดสถานการณ์น้ำในปัจจุบันได้ ดังนี้
1. สภาพฝน กรมอุตุนิยมวิทยาการณ์ในอีก 7 วันข้างหน้าว่าจะมีปริมาณในตกเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 20-30 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีถึงจังหวัดนราธิวาส โดยอาจจะมีฝนตกหนักบ้างในเขตจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี แต่ไม่หนักมากและไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเหมือนในช่วง 6-8 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ณ วันที่ 14 มกราคม 2550 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศจำนวน 31 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 60,075 ล้าน ลบ.ม. (88% ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด) ในจำนวนนี้มีอ่างเก็บน้ำจำนวน 29 แห่งที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ 55-95% ของความจุอ่างฯ ไม่มีปัญหาในการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง และมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยต่ำกว่า 40% ของความจุอ่างฯ เพียง 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 53 ล้าน ลบ.ม. (33% ของความจุอ่างฯ) และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีประมาณน้ำ 39 ล้าน ลบ.ม. (33% ของความจุอ่างฯ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประมาณได้ประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดแผนการจัดสรรน้ำสำหรับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อย การอุปโภค-บริโภค และสงวนน้ำไว้สำหรับการเพาะปลูกช่วงต้นฤดูฝนในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 โดยไม่ให้เกิดการขาดแคลน
สำหรับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของภาคตะวันออกโดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศและเคยเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในอดีตปี 2548 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนี้
1) จังหวัดระยอง ปริมาณน้ำใน อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และอ่างเก็บน้ำประแสร์มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมด 466 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 89% ของความจุอ่างฯ
2) จังหวัดชลบุรี อ่างเก็บน้ำบางพระและอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 6 อ่าง มีปริมาณน้ำรวม 105 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่าง ฯ
จากการตรวจสอบกับความต้องการใช้น้ำทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแล้วในภาคตะวันออกมีปริมาณน้ำเพียงพอจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนนั้นสำหรับปี 2550 นี้
3. แผนการฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด
3.1 เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ประชุมร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2549 ณ ศาลากลางจังหวัดชัยนาท ผลการประชุมร่วมกันโดยสรุปได้กำหนดเป้าหมายการปลูกพืชฤดูแล้ง รวมทั้งสิ้น 5.6 ล้านไร่ ความต้องการใช้น้ำ 10,050 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นข้าวนาปรัง 5.50 ล้านไร่ พืชไร่พืชผัก 0.10 ล้านไร่ ในปัจจุบันเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 2.25 ล้านไร่ และพืชไร่ — พืชผัก 0.02 ล้านไร่
3.2 ในลุ่มน้ำอื่น ๆ ซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมในปี 2549 ไม่มากนัก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้มอบหมายให้สำนักชลประทานและโครงการชลประทานที่รับผิดชอบร่วมกับจังหวัดประชุมชี้แจงและวางแผนการช่วยเหลือ เกษตรกรในการเพาะปลูกตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ปัจจุบันยังไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
4. การสูบน้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกในฤดูแล้ง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรและเตรียมความพร้อมกรณีเกิดการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ดังนี้
4.1 ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกแล้ว ประกอบด้วย ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้งจำนวน 177 เครื่อง และช่วยเหลือการอุปโภคและบริโภคจำนวน 8 เครื่อง
4.2 เตรียมเครื่องสูบน้ำสำรองไว้คอยช่วยเหลือเพิ่มเติมรวม 1,023 เครื่อง
4.3 เตรียมรถบรรทุกน้ำไว้คอยช่วยเหลือรวม 295 คัน กรณีจำเป็น อนึ่งสำหรับการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ได้มอบหมายให้สำนักชลประทานและโครงการชลประทานทั่วประเทศให้วางแผนการจัดสรรน้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งประสานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้เกษตรกร ประชาชนและผู้ใช้น้ำในภาค ส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--
ในเดือนมกราคม 2550 สภาพภูมิอากาศของประเทศอยู่ในช่วงฤดูแล้ง ยกเว้นพื้นที่บริเวณภาคใต้ที่เกิดฝนตกหนักใน วันที่ 6-8 มกราคม 2550 ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังระยะสั้น ๆ เนื่องจากการระบายน้ำไม่ทัน ปัจจุบันได้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดหมายปรากฏการณ์เอลนีโญจะมีกำลังแรงขึ้นต่อไปอีกและจะคงอยู่ไปจนสิ้นสุดฤดูร้อนปีนี้นั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานสรุปรายละเอียดสถานการณ์น้ำในปัจจุบันได้ ดังนี้
1. สภาพฝน กรมอุตุนิยมวิทยาการณ์ในอีก 7 วันข้างหน้าว่าจะมีปริมาณในตกเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ประมาณ 20-30 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ ส่วนมากตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีถึงจังหวัดนราธิวาส โดยอาจจะมีฝนตกหนักบ้างในเขตจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี แต่ไม่หนักมากและไม่ก่อให้เกิดปัญหาน้ำท่วมเหมือนในช่วง 6-8 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา
2. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ณ วันที่ 14 มกราคม 2550 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศจำนวน 31 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่าง ฯ ทั้งหมด 60,075 ล้าน ลบ.ม. (88% ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด) ในจำนวนนี้มีอ่างเก็บน้ำจำนวน 29 แห่งที่มีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ 55-95% ของความจุอ่างฯ ไม่มีปัญหาในการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้ง และมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำน้อยต่ำกว่า 40% ของความจุอ่างฯ เพียง 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี มีปริมาณน้ำ 53 ล้าน ลบ.ม. (33% ของความจุอ่างฯ) และอ่างเก็บน้ำลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีประมาณน้ำ 39 ล้าน ลบ.ม. (33% ของความจุอ่างฯ) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประมาณได้ประชุมกลุ่มผู้ใช้น้ำ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดแผนการจัดสรรน้ำสำหรับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งที่ใช้น้ำน้อย การอุปโภค-บริโภค และสงวนน้ำไว้สำหรับการเพาะปลูกช่วงต้นฤดูฝนในช่วงเดือนมิถุนายน 2550 โดยไม่ให้เกิดการขาดแคลน
สำหรับปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำของภาคตะวันออกโดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีและระยอง ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศและเคยเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในอดีตปี 2548 ที่ผ่านมานั้น ปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ดังกล่าวมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ดี ดังนี้
1) จังหวัดระยอง ปริมาณน้ำใน อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ และอ่างเก็บน้ำประแสร์มีปริมาณน้ำรวมทั้งหมด 466 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 89% ของความจุอ่างฯ
2) จังหวัดชลบุรี อ่างเก็บน้ำบางพระและอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอีก 6 อ่าง มีปริมาณน้ำรวม 105 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59% ของความจุอ่าง ฯ
จากการตรวจสอบกับความต้องการใช้น้ำทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรมแล้วในภาคตะวันออกมีปริมาณน้ำเพียงพอจะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนนั้นสำหรับปี 2550 นี้
3. แผนการฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด
3.1 เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ประชุมร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร การไฟฟ้าฝ่ายผลิต หน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2549 ณ ศาลากลางจังหวัดชัยนาท ผลการประชุมร่วมกันโดยสรุปได้กำหนดเป้าหมายการปลูกพืชฤดูแล้ง รวมทั้งสิ้น 5.6 ล้านไร่ ความต้องการใช้น้ำ 10,050 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นข้าวนาปรัง 5.50 ล้านไร่ พืชไร่พืชผัก 0.10 ล้านไร่ ในปัจจุบันเกษตรกรปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 2.25 ล้านไร่ และพืชไร่ — พืชผัก 0.02 ล้านไร่
3.2 ในลุ่มน้ำอื่น ๆ ซึ่งมีปัญหาน้ำท่วมในปี 2549 ไม่มากนัก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้มอบหมายให้สำนักชลประทานและโครงการชลประทานที่รับผิดชอบร่วมกับจังหวัดประชุมชี้แจงและวางแผนการช่วยเหลือ เกษตรกรในการเพาะปลูกตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่ ปัจจุบันยังไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่อย่างใด
4. การสูบน้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกในฤดูแล้ง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทานได้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรและเตรียมความพร้อมกรณีเกิดการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ดังนี้
4.1 ได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือการเพาะปลูกแล้ว ประกอบด้วย ช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้งจำนวน 177 เครื่อง และช่วยเหลือการอุปโภคและบริโภคจำนวน 8 เครื่อง
4.2 เตรียมเครื่องสูบน้ำสำรองไว้คอยช่วยเหลือเพิ่มเติมรวม 1,023 เครื่อง
4.3 เตรียมรถบรรทุกน้ำไว้คอยช่วยเหลือรวม 295 คัน กรณีจำเป็น อนึ่งสำหรับการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมชลประทาน ได้มอบหมายให้สำนักชลประทานและโครงการชลประทานทั่วประเทศให้วางแผนการจัดสรรน้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งประสานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้เกษตรกร ประชาชนและผู้ใช้น้ำในภาค ส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ความร่วมมือในการใช้น้ำอย่างประหยัดด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--