คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการของบันทึกการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่น และให้เสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายได้ตกลงในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
1. ใบพิกัดเส้นทางบิน
1.1 ใบพิกัดใหม่จะมีผลบังคับใช้เมื่อได้รับการยืนยันโดยการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูต
1.2 สายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ของญี่ปุ่นสามารถจะทำการบินเชื่อมจุดสองจุดในประเทศไทย ตามเส้นทางที่ระบุของตนได้และสายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ของประเทศไทยสามารถทำการบินเชื่อมจุดสองจุดในญี่ปุ่นตามเส้นทางที่ระบุของตนได้
2. สิทธิความจุ บริการต่อไปนี้สามารถทำการบินโดยใช้อากาศยานแบบขนส่งผู้โดยสาร ผู้โดยสารผสมสินค้า และ/หรือเฉพาะสินค้า ยกเว้นอากาศยานแบบ A380
2.1 สายการบินที่กำหนดหลายสายของแต่ละประเทศอาจใช้สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่สามและสี่ ระหว่างจุดใดๆ ในประเทศไทยและจุดใดๆ ในญี่ปุ่นโดยไม่จำกัดความถี่
2.2 จำนวนการแวะลงจุดระหว่างทางทั้งหมดจะต้องไม่เกินกว่ายี่สิบเอ็ดเที่ยวต่อสัปดาห์ในแต่ละทิศทาง สำหรับสายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ของภาคีผู้ทำความตกลงแต่ละฝ่าย เป็นที่เข้าใจว่า ภายในจำนวนยี่สิบเอ็ดเที่ยวต่อสัปดาห์ของการแวะลงที่กล่าวถึงข้างต้น สายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ของประเทศไทยเมื่อใช้ไทเปเป็นจุดระหว่างทาง จำนวนครั้งที่แวะพักที่ไทเปทั้งหมดในแต่ละทิศทางจะต้องไม่เกินหกครั้งต่อสัปดาห์
2.3 สายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ของภาคีผู้ทำความตกลงแต่ละฝ่ายอาจจะดำเนินบริการที่ตกลงตามเส้นทางที่ระบุพ้นอาณาเขตของภาคีผู้ทำความตกลงอีกฝ่ายหนึ่งรวมทั้งสิ้นได้ถึงยี่สิบเอ็ดความถี่ต่อสัปดาห์สำหรับแต่ละฝ่าย
3. พิกัดอัตราค่าขนส่ง เจ้าหน้าที่การเดินอากาศของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่กำหนดให้สายการบินที่กำหนดสายหนึ่ง (หรือหลายสาย) ปรึกษาหารือสายการบินอื่นเกี่ยวกับพิกัดอัตราค่าขนส่งซึ่งสายการบินเหล่านั้นเรียกเก็บหรือเสนอจะเรียกเก็บสำหรับบริการที่ตกลง และเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอาจกำหนดให้มีการยื่นขอใช้พิกัดอัตราค่าขนส่งที่เรียกเก็บหรือเสนอจะเรียกเก็บไปยังหรือมาจากอาณาเขตของตนโดยสารการบินของอีกฝ่ายหนึ่ง
4. การมีผลใช้บังคับ ข้อกำหนดของบันทึกการหารือนี้จะนำไปใช้ในทางปฏิบัติได้นับจากวันที่เจ้าหน้าที่การเดินอากาศของประเทศไทยแจ้งเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของญี่ปุ่นว่ากระบวนการทางกฎหมายที่จำเป็นได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 4 เมษายน 2554--จบ--