คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยและองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) เกี่ยวกับการเข้าร่วมโครงการตรวจสอบประเทศสมาชิก IMO โดยสมัครใจ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อความในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ที่มิใช่สาระสำคัญและการแก้ไขนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ก็ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้ โดยประสานงานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)
2. อนุมัติให้อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือรองอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้แทนไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวกระทรวงคมนาคมรายงานว่า จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อกำหนดของอนุสัญญา/พิธีสารที่สำคัญขององค์การทะเลระหว่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น อันเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของไทย ทำให้เรือสินค้าของไทยสามารถเดินเรือทำการค้าในระยะไกลหรือกับประเทศพัฒนาได้โดยไม่ถูกกัก ส่วนท่าเรือไทยก็จะมีมาตรฐานสากลทำให้เรือต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านการต่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--
1. อนุมัติการลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยและองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) เกี่ยวกับการเข้าร่วมโครงการตรวจสอบประเทศสมาชิก IMO โดยสมัครใจ โดยหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อความในร่างบันทึกความร่วมมือฯ ที่มิใช่สาระสำคัญและการแก้ไขนั้นเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ก็ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้ โดยประสานงานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.)
2. อนุมัติให้อธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีหรือรองอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้แทนไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
ส่วนเรื่องงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวกระทรวงคมนาคมรายงานว่า จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีและข้อกำหนดของอนุสัญญา/พิธีสารที่สำคัญขององค์การทะเลระหว่างประเทศได้ดียิ่งขึ้น อันเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนากิจการพาณิชยนาวีของไทย ทำให้เรือสินค้าของไทยสามารถเดินเรือทำการค้าในระยะไกลหรือกับประเทศพัฒนาได้โดยไม่ถูกกัก ส่วนท่าเรือไทยก็จะมีมาตรฐานสากลทำให้เรือต่างชาติมีความเชื่อมั่นในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลทั้งในด้านเศรษฐกิจและด้านการต่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 สิงหาคม 2550--จบ--