คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตความเห็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอว่า การจ่ายซะกาตเป็นหน้าที่ที่สำคัญ ประการหนึ่งสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินถึงจำนวนตามที่ศาสนากำหนดและครบรอบปี ในอันที่จะต้องจ่ายแก่บุคคลที่มีสิทธิได้รับ แต่เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ทั้งผู้ที่มีหน้าที่จ่ายและผู้ที่มีสิทธิรับซะกาตไม่อาจทราบข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบ จึงทำให้การจ่ายซะกาตไม่อาจไปถึงผู้มีสิทธิรับซะกาตได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีบางองค์กรหรือบางชุมชนจัดตั้งกองทุนซะกาตขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังมีรูปแบบขององค์กรและการบริหารจัดการ ตลอดจนการดำเนินงานที่มีความแตกต่างกัน ไม่มีความเป็นเอกภาพจึงทำให้บางองค์กรอาจมีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อีกทั้งไม่มีระบบการตรวจสอบ การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาตขึ้น เพื่อจัดให้มีกองทุนซะกาตในแต่ละภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมและเปิดโอกาสให้องค์กรหรือชุมชนต่าง ๆ สามารถจัดตั้งกองทุนซะกาตในองค์กรชุมชนเหล่านั้น โดยมีรูปแบบและองค์ประกอบของคณะผู้บริหารที่เหมือนกัน มีการบริหารจัดการและการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้มีหน้าที่จ่ายซะกาต รวมทั้งทำให้ทรัพย์สินซึ่งเป็นซะกาตได้ถูกแจกจ่ายไปเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คนยากจน คนขัดสนและบุคคลผู้มีสิทธิได้รับตามศาสนาบัญญัติได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง อันจะเป็นผลทำให้สังคมมุสลิมโดยรวมมีการพัฒนาและสามารถยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสามัคคีจุนเจือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งยังจะส่งผลทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอีกด้วย จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต โดยให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการหรือคณะทำงานได้ กำหนดองค์ประชุมอำนาจหน้าที่ คุณสมบัติ และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 9 ถึงร่างมาตรา 17)
2. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาด โดยส่วนหนึ่งของเงินกองทุนประกอบด้วยเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม และรายได้หรือผลประโยชน์ทั้งหมดให้นำสมทบกองทุน โดยไม่ต้องส่งให้กระทรวงการคลัง (ร่างมาตรา 18 และร่างมาตรา 21)
3. กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาตเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือทางด้านการบริหารจัดการและทางด้านการเงินแก่กองทุนซะกาตและให้สำนักงานมีผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการของสำนักงาน (ร่างมาตรา 22 ถึงร่างมาตรา 23)
4. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนซะกาตประจำจังหวัดขึ้นในจังหวัดที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด กองทุนเมื่อได้จดทะเบียนแล้วให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล (ร่างมาตรา 29 และร่างมาตรา 31)
5. กำหนดการบริหารและการจัดการกองทุนซะกาต (ร่างมาตรา 33 ถึงร่างมาตรา 46)
6. กำหนดให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อรายชื่อผู้จ่ายซะกาตและผู้บริจาคทานเป็นจำนวนสูงสุดหนึ่งร้อยอันดับแรก เพื่อประกาศเชิดชูเกียรติ (ร่างมาตรา 47)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 กรกฎาคม 2550--จบ--
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอว่า การจ่ายซะกาตเป็นหน้าที่ที่สำคัญ ประการหนึ่งสำหรับผู้ที่มีทรัพย์สินถึงจำนวนตามที่ศาสนากำหนดและครบรอบปี ในอันที่จะต้องจ่ายแก่บุคคลที่มีสิทธิได้รับ แต่เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา ทั้งผู้ที่มีหน้าที่จ่ายและผู้ที่มีสิทธิรับซะกาตไม่อาจทราบข้อมูลที่จำเป็นต้องทราบ จึงทำให้การจ่ายซะกาตไม่อาจไปถึงผู้มีสิทธิรับซะกาตได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง และถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีบางองค์กรหรือบางชุมชนจัดตั้งกองทุนซะกาตขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังมีรูปแบบขององค์กรและการบริหารจัดการ ตลอดจนการดำเนินงานที่มีความแตกต่างกัน ไม่มีความเป็นเอกภาพจึงทำให้บางองค์กรอาจมีการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร อีกทั้งไม่มีระบบการตรวจสอบ การดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาตขึ้น เพื่อจัดให้มีกองทุนซะกาตในแต่ละภูมิภาครวมทั้งส่งเสริมและเปิดโอกาสให้องค์กรหรือชุมชนต่าง ๆ สามารถจัดตั้งกองทุนซะกาตในองค์กรชุมชนเหล่านั้น โดยมีรูปแบบและองค์ประกอบของคณะผู้บริหารที่เหมือนกัน มีการบริหารจัดการและการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแก่ผู้มีหน้าที่จ่ายซะกาต รวมทั้งทำให้ทรัพย์สินซึ่งเป็นซะกาตได้ถูกแจกจ่ายไปเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่คนยากจน คนขัดสนและบุคคลผู้มีสิทธิได้รับตามศาสนาบัญญัติได้อย่างเต็มที่และทั่วถึง อันจะเป็นผลทำให้สังคมมุสลิมโดยรวมมีการพัฒนาและสามารถยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีความสามัคคีจุนเจือช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งยังจะส่งผลทำให้ประเทศชาติมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นอีกด้วย จึงเสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาต โดยให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการหรือคณะทำงานได้ กำหนดองค์ประชุมอำนาจหน้าที่ คุณสมบัติ และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการฯ (ร่างมาตรา 9 ถึงร่างมาตรา 17)
2. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาด โดยส่วนหนึ่งของเงินกองทุนประกอบด้วยเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม และรายได้หรือผลประโยชน์ทั้งหมดให้นำสมทบกองทุน โดยไม่ต้องส่งให้กระทรวงการคลัง (ร่างมาตรา 18 และร่างมาตรา 21)
3. กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมกิจการกองทุนซะกาตเป็นหน่วยงานภายในสำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือทางด้านการบริหารจัดการและทางด้านการเงินแก่กองทุนซะกาตและให้สำนักงานมีผู้อำนวยการเป็นผู้บริหารกิจการของสำนักงาน (ร่างมาตรา 22 ถึงร่างมาตรา 23)
4. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนซะกาตประจำจังหวัดขึ้นในจังหวัดที่มีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด กองทุนเมื่อได้จดทะเบียนแล้วให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล (ร่างมาตรา 29 และร่างมาตรา 31)
5. กำหนดการบริหารและการจัดการกองทุนซะกาต (ร่างมาตรา 33 ถึงร่างมาตรา 46)
6. กำหนดให้คณะกรรมการจัดทำบัญชีรายชื่อรายชื่อผู้จ่ายซะกาตและผู้บริจาคทานเป็นจำนวนสูงสุดหนึ่งร้อยอันดับแรก เพื่อประกาศเชิดชูเกียรติ (ร่างมาตรา 47)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 กรกฎาคม 2550--จบ--