คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. .... ที่ได้ปรับปรุงแก้ไข ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีการกำหนดกลุ่มวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกเป็น 4 กลุ่มวิชา คือ (1) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (2) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (3) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร และ (4) กลุ่มวิชาสหวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ มีการกำหนดสาขาด้านวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเป็น 4 สาขา คือ (1) สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (2) สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ (3) สาขาการผลิต
การควบคุม การจัดการสารเคมี และ (4) ขาอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
2. กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้สภาวิชาชีพฯอาจมีรายได้ค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียม เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และผลประโยชน์จากการจัดการเงินทรัพย์สินและการดำเนินกิจการ รวมทั้งดอกผลของเงินและทรัพย์สินดังกล่าว
3. กำหนดองค์ประกอบของสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการสิ้นสุดของสมาชิก สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก การประชุมของสมาชิก
4. กำหนดวิธีการในการประชุมใหญ่สามัญ และการประชุมใหญ่วิสามัญและกิจการที่การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพึงกระทำ
5. ให้มีคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกอบด้วย นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากผู้แทนสมาชิกเป็นประธานกรรมการ กรรมการซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากผู้แทนสมาชิก กรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ ซึ่งแต่งตั้งจากกลุ่มวิชาตามมาตรา 5 คุณสมบัติของนายกสภาวิชาชีพ ฯ และกรรมการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การเลือกตั้งนายกสภาวิชาชีพฯ การแต่งตั้งอุปนายกสภาวิชาชีพฯ และเลขาธิการ ตลอดจนอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการและบุคคลดังกล่าว
6. กำหนดการดำเนินการของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการในเรื่องที่มอบหมายได้ และกำหนดให้มีสำนักงานสภาวิชาชีพฯ ทำหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ให้แก่คณะกรรมการ โดยให้นายกสภาวิชาชีพแต่งตั้งหัวหน้าสำนักงาน สภาวิชาชีพฯ เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมรับผิดชอบงานธุรการและบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสภาวิชาชีพ ฯ
7. กำหนดสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยี และผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยีควบคุม
8. ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม โดยมิได้รับอนุญาตจากสภาวิชาชีพ ฯ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพฯ ต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรระยะเวลาสถานฝึกอบรมที่กำหนด และต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพฯ รวมทั้งให้คณะกรรมการจรรยาบรรณมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดยกข้อกล่าวหาหรือลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง
9. กำหนดให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินงานของสภาวิชาชีพฯ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานได้ ทั้งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
10. กำหนดให้มีบทกำหนดโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
11. ในระยะเริ่มแรกภายในกำหนด 10 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งคณะกรรมการก่อตั้งเพื่อให้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถประสงค์
12. ในวาระเริ่มแรก มิให้นำคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกรรมการตามมาตรา 24 (1) มาใช้บังคับกับการเลือกตั้งนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกรรมการตามมาตรา 21 (2)
13. กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดำเนินการขอรับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ข้อบังคับว่าด้วยการออกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม และในระหว่างระยะเวลาหนึ่งปีดังกล่าวมิให้นำมาตรา 41 เกี่ยวกับการห้ามผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ ที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิที่จะประกอบวิชาชีพฯ มาใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีฐานะเป็นนิติบุคคล โดยมีการกำหนดกลุ่มวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกเป็น 4 กลุ่มวิชา คือ (1) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ (2) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ (3) กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร และ (4) กลุ่มวิชาสหวิทยาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ มีการกำหนดสาขาด้านวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเป็น 4 สาขา คือ (1) สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ (2) สาขาการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการควบคุมมลพิษ (3) สาขาการผลิต
การควบคุม การจัดการสารเคมี และ (4) ขาอื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา
2. กำหนดวัตถุประสงค์ อำนาจหน้าที่ของสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้สภาวิชาชีพฯอาจมีรายได้ค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียม เงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน เงินและทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศให้ และผลประโยชน์จากการจัดการเงินทรัพย์สินและการดำเนินกิจการ รวมทั้งดอกผลของเงินและทรัพย์สินดังกล่าว
3. กำหนดองค์ประกอบของสมาชิกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการสิ้นสุดของสมาชิก สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก การประชุมของสมาชิก
4. กำหนดวิธีการในการประชุมใหญ่สามัญ และการประชุมใหญ่วิสามัญและกิจการที่การประชุมใหญ่สามัญประจำปีพึงกระทำ
5. ให้มีคณะกรรมการสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประกอบด้วย นายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากผู้แทนสมาชิกเป็นประธานกรรมการ กรรมการซึ่งสมาชิกเลือกตั้งจากผู้แทนสมาชิก กรรมการโดยตำแหน่งและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิฯ ซึ่งแต่งตั้งจากกลุ่มวิชาตามมาตรา 5 คุณสมบัติของนายกสภาวิชาชีพ ฯ และกรรมการ การดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การเลือกตั้งนายกสภาวิชาชีพฯ การแต่งตั้งอุปนายกสภาวิชาชีพฯ และเลขาธิการ ตลอดจนอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการและบุคคลดังกล่าว
6. กำหนดการดำเนินการของคณะกรรมการ โดยคณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการในเรื่องที่มอบหมายได้ และกำหนดให้มีสำนักงานสภาวิชาชีพฯ ทำหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ให้แก่คณะกรรมการ โดยให้นายกสภาวิชาชีพแต่งตั้งหัวหน้าสำนักงาน สภาวิชาชีพฯ เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมรับผิดชอบงานธุรการและบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ในสำนักงานสภาวิชาชีพ ฯ
7. กำหนดสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยี และผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโลยีควบคุม
8. ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม โดยมิได้รับอนุญาตจากสภาวิชาชีพ ฯ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพดังกล่าวที่ได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพฯ ต้องเข้ารับการฝึกอบรมตามหลักสูตรระยะเวลาสถานฝึกอบรมที่กำหนด และต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพฯ รวมทั้งให้คณะกรรมการจรรยาบรรณมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดยกข้อกล่าวหาหรือลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง
9. กำหนดให้รัฐมนตรีผู้รักษาการมีอำนาจกำกับดูแลการดำเนินงานของสภาวิชาชีพฯ และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบเอกสารหรือหลักฐานได้ ทั้งนี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
10. กำหนดให้มีบทกำหนดโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
11. ในระยะเริ่มแรกภายในกำหนด 10 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการคณะหนึ่งคณะกรรมการก่อตั้งเพื่อให้สภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามวัตถประสงค์
12. ในวาระเริ่มแรก มิให้นำคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกรรมการตามมาตรา 24 (1) มาใช้บังคับกับการเลือกตั้งนายกสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกรรมการตามมาตรา 21 (2)
13. กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมอยู่ในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ดำเนินการขอรับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ข้อบังคับว่าด้วยการออกใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม และในระหว่างระยะเวลาหนึ่งปีดังกล่าวมิให้นำมาตรา 41 เกี่ยวกับการห้ามผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์ฯ ที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิที่จะประกอบวิชาชีพฯ มาใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--