คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการดำเนินโครงการจัดหารถดีเซลไฟฟ้าของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. ดำเนินการเจรจากับฝ่ายจีนจนได้ข้อยุติและประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายในโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. แลกเปลี่ยนกับข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล
2. เจรจาในลักษณะคู่ขนาน กล่าวคือ
- เรื่องรถจักร มอบให้ รฟท. เจรจากับ CHINA NORTHERN LOCOMOTIVE & ROLLING STOCK INDUSTRY (GROUP) CORPORATION (CNR)
- เรื่องข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับฝ่ายจีน
3. ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย จะทำหน้าที่เกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. ในการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 รัฐบาลไทย โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย Madam Wu Yi, Vice Premier of the State Council ได้ตกลงที่จะซื้อขายสินค้า โดยใช้วิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) ตามมติคณะรัฐมนตรี รฟท. ได้เจรจาหารือกับ CRN หลายครั้ง และสามารถตกลงได้ว่า รฟท. จะซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 7 คัน จาก CRN ของจีน ส่วนสินค้าเกษตร จะแลกเปลี่ยนกับจีนนั้น ฝ่ายจีนขอเปลี่ยนจากลำไยอบแห้งเป็นข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกันเห็นว่า สามารถตกลงได้ตามที่ CNR เสนอ
2. กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจาร่วมกับ รฟท. และ CRN ในการแลกเปลี่ยนรถจักรดีเซลไฟฟ้ากับข้าวสารใน สต๊อกรัฐบาล โดยจะมีการรับมอบและชำระค่าสินค้า ดังนี้
2.1 รฟท. จะรับมอบรถจักรฯ ในเดือนที่ 15 หลังจากมีการลงนามสัญญาการค้าแบบแลกเปลี่ยน โดยมีการชำระค่ารถจักร 3 งวด คือ งวดแรก (ร้อยละ 15 ของมูลค่ารถจักร) งวดที่สอง (ร้อยละ 75 ของมูลค่ารถจักร) งวดที่สาม (ร้อยละ 10 ของมูลค่ารถจักร)
2.2 การรับมอบข้าวสารมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
(1) งวดแรก (ร้อยละ 15 ของมูลค่ารถจักร)
(2) งวดต่อ ๆ ไป CRN จะขอทยอยรับมอบข้าวสารหลายงวด ภายในช่วง 15 เดือน จนกว่าจะครบตามมูลค่าทั้งหมดตามสัญญา
(3) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการส่งมอบ รับมอบ และส่งออกข้าวสาร เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
(4) คณะทำงานพิจารณาจำหน่ายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/49 จะเป็นผู้พิจารณากำหนดราคาและปริมาณข้าวสารที่จะนำมาแลกตามโครงการฯ
(5) CNR จะมอบหมายให้บริษัทตัวแทนเป็นผู้ดำเนินการรับมอบข้าวสาร
3. คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) มีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 เห็นชอบให้นำข้าวร้อยละ 5 โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2548/49 เพื่อดำเนินการการค้าแบบแลกเปลี่ยนมูลค่า 757.58 ล้านบาท โดยมีการรับมอบชำระค่าสินค้า และวิธีการปฏิบัติตามข้อ 2 ข้างต้น และ คชก. รับทราบการจำหน่ายและส่งมอบข้าวสารดังกล่าวตามโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยนตามมติ กนข.
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ขณะนั้น ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกระทรวงพาณิชย์ และ รฟท. ร่วมประชุมพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า เรื่องนี้ได้มีการดำเนินการมาจนสามารถตกลงมูลค่าการแลกเปลี่ยนหัวรถจักรกับข้าวแล้ว รฟท. สามารถเจรจากับ CRN ต่อหัวรถจักรจนได้คุณภาพตามที่ต้องการในราคาที่สมควร ดังนั้น เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และปฏิบัติตามเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลงฯ ที่ลงนามไว้ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มีนาคม 2550--จบ--
1. ดำเนินการเจรจากับฝ่ายจีนจนได้ข้อยุติและประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่ายในโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. แลกเปลี่ยนกับข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล
2. เจรจาในลักษณะคู่ขนาน กล่าวคือ
- เรื่องรถจักร มอบให้ รฟท. เจรจากับ CHINA NORTHERN LOCOMOTIVE & ROLLING STOCK INDUSTRY (GROUP) CORPORATION (CNR)
- เรื่องข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กระทรวงพาณิชย์เจรจากับฝ่ายจีน
3. ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย จะทำหน้าที่เกี่ยวกับธุรกรรมการเงิน
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. ในการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีน ว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจ ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2548 รัฐบาลไทย โดยรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย Madam Wu Yi, Vice Premier of the State Council ได้ตกลงที่จะซื้อขายสินค้า โดยใช้วิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยน (Barter Trade) ตามมติคณะรัฐมนตรี รฟท. ได้เจรจาหารือกับ CRN หลายครั้ง และสามารถตกลงได้ว่า รฟท. จะซื้อรถจักรดีเซลไฟฟ้าจำนวน 7 คัน จาก CRN ของจีน ส่วนสินค้าเกษตร จะแลกเปลี่ยนกับจีนนั้น ฝ่ายจีนขอเปลี่ยนจากลำไยอบแห้งเป็นข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกันเห็นว่า สามารถตกลงได้ตามที่ CNR เสนอ
2. กระทรวงพาณิชย์ได้เจรจาร่วมกับ รฟท. และ CRN ในการแลกเปลี่ยนรถจักรดีเซลไฟฟ้ากับข้าวสารใน สต๊อกรัฐบาล โดยจะมีการรับมอบและชำระค่าสินค้า ดังนี้
2.1 รฟท. จะรับมอบรถจักรฯ ในเดือนที่ 15 หลังจากมีการลงนามสัญญาการค้าแบบแลกเปลี่ยน โดยมีการชำระค่ารถจักร 3 งวด คือ งวดแรก (ร้อยละ 15 ของมูลค่ารถจักร) งวดที่สอง (ร้อยละ 75 ของมูลค่ารถจักร) งวดที่สาม (ร้อยละ 10 ของมูลค่ารถจักร)
2.2 การรับมอบข้าวสารมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้
(1) งวดแรก (ร้อยละ 15 ของมูลค่ารถจักร)
(2) งวดต่อ ๆ ไป CRN จะขอทยอยรับมอบข้าวสารหลายงวด ภายในช่วง 15 เดือน จนกว่าจะครบตามมูลค่าทั้งหมดตามสัญญา
(3) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการส่งมอบ รับมอบ และส่งออกข้าวสาร เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด
(4) คณะทำงานพิจารณาจำหน่ายข้าวสารโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2548/49 จะเป็นผู้พิจารณากำหนดราคาและปริมาณข้าวสารที่จะนำมาแลกตามโครงการฯ
(5) CNR จะมอบหมายให้บริษัทตัวแทนเป็นผู้ดำเนินการรับมอบข้าวสาร
3. คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) มีมติเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2549 เห็นชอบให้นำข้าวร้อยละ 5 โครงการรับจำนำข้าวปีการผลิต 2548/49 เพื่อดำเนินการการค้าแบบแลกเปลี่ยนมูลค่า 757.58 ล้านบาท โดยมีการรับมอบชำระค่าสินค้า และวิธีการปฏิบัติตามข้อ 2 ข้างต้น และ คชก. รับทราบการจำหน่ายและส่งมอบข้าวสารดังกล่าวตามโครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้าของ รฟท. ด้วยวิธีการค้าแบบแลกเปลี่ยนตามมติ กนข.
รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) ขณะนั้น ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกระทรวงพาณิชย์ และ รฟท. ร่วมประชุมพิจารณา ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า เรื่องนี้ได้มีการดำเนินการมาจนสามารถตกลงมูลค่าการแลกเปลี่ยนหัวรถจักรกับข้าวแล้ว รฟท. สามารถเจรจากับ CRN ต่อหัวรถจักรจนได้คุณภาพตามที่ต้องการในราคาที่สมควร ดังนั้น เพื่อรักษาความสัมพันธ์ และปฏิบัติตามเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลงฯ ที่ลงนามไว้ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน กระทรวงพาณิชย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรี
เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 27 มีนาคม 2550--จบ--