คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอเรื่อง สำรวจความอุ่นใจของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2550 ดังนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจความอุ่นใจของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 15 ขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 1,080 คน ระหว่างวันที่ 6 — 9 มกราคม 2550 และได้จัดทำสรุปผลสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญ สรุปดังนี้
1. ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 97.3 ระบุว่า ติดตามข้อมูลข่าวสารการลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานคร และนนทบุรี ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่ได้ติดตามมีเพียง ร้อยละ 2.7
2. สำหรับความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พบว่าประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.5 ระบุว่ากลัว/กังวล (โดยมีความรู้สึกกลัว/กังวลในระดับมาก/ ร้อยละ 21.1 ปานกลาง ร้อยละ 36.9 และน้อย ร้อยละ 10.5) ในขณะเดียวกันผู้ที่ระบุว่าไม่กลัว/ไม่กังวล มีร้อยละ 31.5
3. ผลสำรวจเกี่ยวกับผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หลังจากเกิดเหตุการณ์การลอบวางระเบิด พบว่า ประชาชนในเขตกรุงเทพ ฯ เกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ ร้อยละ 53.6 ระบุว่ามีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประวัน โดยมีผลกระทบในเรื่องการออกไปธุระ/ซื้อของตามย่านชุมชน/ย่านธุรกิจมากที่สุด (ร้อยละ 38.8) รองลงมา การเดินทางไป — กลับในการทำงาน/เรียนหนังสือ (ร้อยละ 27.8) สุขภาพจิต (ร้อยละ 22.4) การค้าขาย/ประกอบอาชีพ (ร้อยละ 14.0) และการไปพักผ่อน (ร้อยละ 7.3) อื่น ๆ (ร้อยละ 0.7) ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่มีผลกระทบ (ร้อยละ 46.4)
4. พฤติกรรมการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงเวลาหลังเลิกงานวันหยุดของคนกรุงเทพฯ โดยภาพรวมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการออกไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าที่จากเดิมเคยไปซื้อ ร้อยละ 88.5 ลดลงเหลือ ร้อยละ 64.9
5. สำหรับมาตรการการเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในชุมชนของคนกรุงเทพฯ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 80.0 ระบุว่าไม่มี มีเพียงร้อยละ 20.0 ที่ระบุว่ามี โดยกิจกรรมที่มี ได้แก่ ช่วยกันเฝ้าระวังสิ่งที่ผิดปกติทั้งคน/สิ่งของ และเปลี่ยนถังขยะให้เป็นแบบใส เป็นต้น ขณะเดียวกันคนกรุงเทพฯ ก็มีความพร้อมในการให้ความร่วมมือเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในชุมชนของตนเองสูงถึง ร้อยละ 93.9
6. ความอุ่นใจ และความเชื่อมั่นต่อมาตรการการป้องกันและให้ความคุ้มครองของภาครัฐ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.9 ระบุว่าอุ่นใจและเชื่อมั่น (โดยอุ่นใจ/เชื่อมั่นในระดับมาก ร้อยละ 9.8 ปานกลาง ร้อยละ 49.2 และน้อย ร้อยละ 18.9) ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่อุ่นใจ/ไม่เชื่อมั่นมีร้อยละ 22.1
7. ประชาชนในกรุงเทพฯ เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือ ร้อยละ 54.7 ให้ความเห็นว่าโดยภาพรวมยังคงมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก ส่วนผู้ที่เห็นว่ามีความปลอดภัยในระดับน้อยถึงไม่มีเลย มีเพียงร้อยละ 45.3
8. ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ได้ให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะต่อมาตรการที่ภาครัฐควรต้องเร่งดำเนินการมากที่สุดหลังจากมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด คือ การจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ ร้อยละ 42.9 รองลงมา ควรเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ร้อยละ 31.5 สร้างความมั่นใจ/เชื่อมั่นให้กับประชาชน ร้อยละ 9.0 ควรมีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดทั่วเขตกรุงเทพฯ ร้อยละ 3.1 และตลอดจนเสนอแนะให้ภาครัฐจัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ ร้อยละ 3.0 เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มกราคม 2550--จบ--
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจความอุ่นใจของประชาชนในสถานการณ์ปัจจุบันในเขตกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2550 โดยสอบถามประชาชนที่มีอายุ 15 ขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนตัวอย่างทั้งสิ้น 1,080 คน ระหว่างวันที่ 6 — 9 มกราคม 2550 และได้จัดทำสรุปผลสำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญ สรุปดังนี้
1. ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 97.3 ระบุว่า ติดตามข้อมูลข่าวสารการลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานคร และนนทบุรี ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่ได้ติดตามมีเพียง ร้อยละ 2.7
2. สำหรับความรู้สึกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น พบว่าประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.5 ระบุว่ากลัว/กังวล (โดยมีความรู้สึกกลัว/กังวลในระดับมาก/ ร้อยละ 21.1 ปานกลาง ร้อยละ 36.9 และน้อย ร้อยละ 10.5) ในขณะเดียวกันผู้ที่ระบุว่าไม่กลัว/ไม่กังวล มีร้อยละ 31.5
3. ผลสำรวจเกี่ยวกับผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวัน หลังจากเกิดเหตุการณ์การลอบวางระเบิด พบว่า ประชาชนในเขตกรุงเทพ ฯ เกินกว่าครึ่งหนึ่ง หรือ ร้อยละ 53.6 ระบุว่ามีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประวัน โดยมีผลกระทบในเรื่องการออกไปธุระ/ซื้อของตามย่านชุมชน/ย่านธุรกิจมากที่สุด (ร้อยละ 38.8) รองลงมา การเดินทางไป — กลับในการทำงาน/เรียนหนังสือ (ร้อยละ 27.8) สุขภาพจิต (ร้อยละ 22.4) การค้าขาย/ประกอบอาชีพ (ร้อยละ 14.0) และการไปพักผ่อน (ร้อยละ 7.3) อื่น ๆ (ร้อยละ 0.7) ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่มีผลกระทบ (ร้อยละ 46.4)
4. พฤติกรรมการออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านในช่วงเวลาหลังเลิกงานวันหยุดของคนกรุงเทพฯ โดยภาพรวมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะพฤติกรรมการออกไปซื้อของในห้างสรรพสินค้าที่จากเดิมเคยไปซื้อ ร้อยละ 88.5 ลดลงเหลือ ร้อยละ 64.9
5. สำหรับมาตรการการเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในชุมชนของคนกรุงเทพฯ พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 80.0 ระบุว่าไม่มี มีเพียงร้อยละ 20.0 ที่ระบุว่ามี โดยกิจกรรมที่มี ได้แก่ ช่วยกันเฝ้าระวังสิ่งที่ผิดปกติทั้งคน/สิ่งของ และเปลี่ยนถังขยะให้เป็นแบบใส เป็นต้น ขณะเดียวกันคนกรุงเทพฯ ก็มีความพร้อมในการให้ความร่วมมือเฝ้าระวังดูแลความปลอดภัยในชุมชนของตนเองสูงถึง ร้อยละ 93.9
6. ความอุ่นใจ และความเชื่อมั่นต่อมาตรการการป้องกันและให้ความคุ้มครองของภาครัฐ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.9 ระบุว่าอุ่นใจและเชื่อมั่น (โดยอุ่นใจ/เชื่อมั่นในระดับมาก ร้อยละ 9.8 ปานกลาง ร้อยละ 49.2 และน้อย ร้อยละ 18.9) ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่อุ่นใจ/ไม่เชื่อมั่นมีร้อยละ 22.1
7. ประชาชนในกรุงเทพฯ เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือ ร้อยละ 54.7 ให้ความเห็นว่าโดยภาพรวมยังคงมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอยู่ในระดับปานกลางถึงมาก ส่วนผู้ที่เห็นว่ามีความปลอดภัยในระดับน้อยถึงไม่มีเลย มีเพียงร้อยละ 45.3
8. ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ ได้ให้ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะต่อมาตรการที่ภาครัฐควรต้องเร่งดำเนินการมากที่สุดหลังจากมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิด คือ การจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษ ร้อยละ 42.9 รองลงมา ควรเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ร้อยละ 31.5 สร้างความมั่นใจ/เชื่อมั่นให้กับประชาชน ร้อยละ 9.0 ควรมีการติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดทั่วเขตกรุงเทพฯ ร้อยละ 3.1 และตลอดจนเสนอแนะให้ภาครัฐจัดทำคู่มือ/แนวทางปฏิบัติ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับประชาชนเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์ ร้อยละ 3.0 เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มกราคม 2550--จบ--