คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2549 ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รับไปอำนวยการประสานงานกับหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2549 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยแล้ว สรุปได้ดังนี้
1. ข้อเท็จจริง
1. กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างชุดเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานร่วมกันในระดับตำบล กับหลักคิดที่ให้ผู้นำพลังประชาชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็น เป็นสุข รู้จักสามัคคี และสมานฉันท์
2. การดำเนินการส่วนหนึ่งจะเป็นการสานต่อการดำเนินการเดิมที่ภาครัฐโดยกรมพัฒนาชุมชน และกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ดำเนินการมาก่อนแล้วในอดีต ทั้งนี้ จะสนธิกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐในทุกภาคส่วน จัดเป็นคณะทำงานในแต่ละตำบลเข้าไปรับทราบความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ความรู้เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอบอุ่นใจ โดยคณะทำงานจากแต่ละหน่วยงานจะมีหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจน
3. พื้นที่เป้าหมายครอบคลุม 4 จังหวัด (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล) และ 4 อำเภอ (นาทวี จะนะ สะบ้าย้อย และเทพา) ของจังหวัดสงขลา รวม 44 อำเภอ โดยในชั้นต้น จะดำเนินการเป็นโครงการนำร่อง อำเภอละ 2 ตำบล รวมทั้งสิ้น 88 ตำบล เน้นพื้นที่เป้าหมายที่คณะทำงานสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการได้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ โดยกำหนดใช้งบประมาณ จำนวน 166.40 ล้านบาท โดยขอรับการสนับสนุนการดำเนินการ และงบประมาณจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
2. ความเห็น
1. ในระยะที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ของรัฐลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่เต็มที่ เปิดทางให้กลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาทำงานมวลชน ตลอดจนข่มขู่คุกคามจนประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าให้ความร่วมมือกับภาครัฐโครงการดังกล่าวจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแย่งชิงมวลชนให้หันมาร่วมมือกับทางการมากขึ้น โดยการนำเอางานพัฒนาและการช่วยเหลือประชาชนเข้าไปในพื้นที่ จึงควรสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นผลอย่างจริงจังต่อไป
2. โครงการนำร่องดังกล่าว ควรเน้นคุณภาพของการปฏิบัติงานที่เป็นผลอย่างจริงมากกว่าการเน้นปริมาณหรือจำนวนพื้นที่ ทั้งนี้ การเลือกพื้นที่ไม่ควรจำกัดว่าเป็นพื้นที่สีอะไร แต่ควรเลือกพื้นที่ที่จะส่งผลต่อการลดอิทธิพลและการคุกคามของฝ่ายก่อความไม่สงบอย่างได้ผลเป็นหลัก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด และการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพและตั้งใจจริง
3. การบริหารจัดการในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาตามโครงการฯ ควรเน้นความฉับไวทันเวลา ซึ่งอาจต้องจัดระบบงบประมาณให้คล่องตัวและรวดเร็ว รวมทั้งอาจให้ชุดทำงานสามารถมีงบประมาณจำนวนหนึ่งในมือ สำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ตามความเหมาะสม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานว่า ในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม 2549 ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่อง โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทยแล้ว สรุปได้ดังนี้
1. ข้อเท็จจริง
1. กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับตำบลจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างชุดเจ้าหน้าที่ลงไปปฏิบัติงานร่วมกันในระดับตำบล กับหลักคิดที่ให้ผู้นำพลังประชาชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี เกิดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง อยู่เย็น เป็นสุข รู้จักสามัคคี และสมานฉันท์
2. การดำเนินการส่วนหนึ่งจะเป็นการสานต่อการดำเนินการเดิมที่ภาครัฐโดยกรมพัฒนาชุมชน และกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ดำเนินการมาก่อนแล้วในอดีต ทั้งนี้ จะสนธิกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภาครัฐในทุกภาคส่วน จัดเป็นคณะทำงานในแต่ละตำบลเข้าไปรับทราบความต้องการของประชาชน แก้ไขปัญหาและพัฒนาให้ความรู้เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอบอุ่นใจ โดยคณะทำงานจากแต่ละหน่วยงานจะมีหน้าที่รับผิดชอบที่ชัดเจน
3. พื้นที่เป้าหมายครอบคลุม 4 จังหวัด (ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล) และ 4 อำเภอ (นาทวี จะนะ สะบ้าย้อย และเทพา) ของจังหวัดสงขลา รวม 44 อำเภอ โดยในชั้นต้น จะดำเนินการเป็นโครงการนำร่อง อำเภอละ 2 ตำบล รวมทั้งสิ้น 88 ตำบล เน้นพื้นที่เป้าหมายที่คณะทำงานสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และดำเนินการได้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ โดยกำหนดใช้งบประมาณ จำนวน 166.40 ล้านบาท โดยขอรับการสนับสนุนการดำเนินการ และงบประมาณจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
2. ความเห็น
1. ในระยะที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ของรัฐลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ไม่เต็มที่ เปิดทางให้กลุ่มก่อความไม่สงบเข้ามาทำงานมวลชน ตลอดจนข่มขู่คุกคามจนประชาชนในพื้นที่ไม่กล้าให้ความร่วมมือกับภาครัฐโครงการดังกล่าวจะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการแย่งชิงมวลชนให้หันมาร่วมมือกับทางการมากขึ้น โดยการนำเอางานพัฒนาและการช่วยเหลือประชาชนเข้าไปในพื้นที่ จึงควรสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นผลอย่างจริงจังต่อไป
2. โครงการนำร่องดังกล่าว ควรเน้นคุณภาพของการปฏิบัติงานที่เป็นผลอย่างจริงมากกว่าการเน้นปริมาณหรือจำนวนพื้นที่ ทั้งนี้ การเลือกพื้นที่ไม่ควรจำกัดว่าเป็นพื้นที่สีอะไร แต่ควรเลือกพื้นที่ที่จะส่งผลต่อการลดอิทธิพลและการคุกคามของฝ่ายก่อความไม่สงบอย่างได้ผลเป็นหลัก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด และการคัดเลือกผู้ปฏิบัติงานที่มีคุณภาพและตั้งใจจริง
3. การบริหารจัดการในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาตามโครงการฯ ควรเน้นความฉับไวทันเวลา ซึ่งอาจต้องจัดระบบงบประมาณให้คล่องตัวและรวดเร็ว รวมทั้งอาจให้ชุดทำงานสามารถมีงบประมาณจำนวนหนึ่งในมือ สำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ตามความเหมาะสม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มกราคม 2550--จบ--