คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชกำหนดจัดสรรเงินทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดจัดสรรทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 มีฐานะเป็นนิติบุคคลและได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร โดยมีสถานที่ทำการตั้งอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและทองคำ การลงทุนแสวงหาผลประโยชน์ทั้งในตั๋วเงินคลัง หรือหลักทรัพย์ระยะสั้นอย่างอื่นทั้งของรัฐบาล และหลักทรัพย์ระยะสั้นที่มั่นคงในต่างประเทศ รวมทั้งการกู้ยืมเงินเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวอันผิดปกติของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด และเพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
2. ในปัจจุบันประเทศไทยได้ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแบบระบบลอยตัวตามภาวะตลาดเงินต่างประเทศ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ดังนั้น บทบาทการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทของทุนรักษาระดับฯ จึงลดลงอย่างมาก
3. คณะกรรมการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้มีมติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2548 อนุมัติให้ยกเลิกทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงได้เสนอร่างดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชกำหนดจัดสรรเงินทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกำหนดจัดสรรเงินทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 แต่ให้ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี
2. กำหนดให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะบุคคลหนึ่งเป็นคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และกำหนดวิธีการชำระบัญชี โดยให้บรรดาทรัพย์สินของทุนรักษาระดับฯ ที่คงเหลืออยู่ให้ส่งเข้าบัญชีเงินคงคลัง ภายหลังวันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี
3. กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลและรับผิดชอบภาระด้านคดีของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ยังค้างพิจารณาอยู่ในศาล รวมทั้งให้โอนพนักงานปัจจุบันของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มกราคม 2550--จบ--
กระทรวงการคลังเสนอว่า
1. ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราจัดตั้งขึ้นตามพระราชกำหนดจัดสรรทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 มีฐานะเป็นนิติบุคคลและได้รับยกเว้นจากการเสียภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร โดยมีสถานที่ทำการตั้งอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและทองคำ การลงทุนแสวงหาผลประโยชน์ทั้งในตั๋วเงินคลัง หรือหลักทรัพย์ระยะสั้นอย่างอื่นทั้งของรัฐบาล และหลักทรัพย์ระยะสั้นที่มั่นคงในต่างประเทศ รวมทั้งการกู้ยืมเงินเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวอันผิดปกติของอัตราแลกเปลี่ยนในตลาด และเพื่อให้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
2. ในปัจจุบันประเทศไทยได้ใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราแบบระบบลอยตัวตามภาวะตลาดเงินต่างประเทศ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการซื้อขายเงินตราต่างประเทศเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ดังนั้น บทบาทการบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทของทุนรักษาระดับฯ จึงลดลงอย่างมาก
3. คณะกรรมการทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราได้มีมติ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2548 อนุมัติให้ยกเลิกทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา จึงได้เสนอร่างดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชกำหนดจัดสรรเงินทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกำหนดจัดสรรเงินทุนสำรองเงินตราเกินจำนวนธนบัตรออกใช้ พ.ศ. 2498 แต่ให้ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี
2. กำหนดให้รัฐมนตรีแต่งตั้งคณะบุคคลหนึ่งเป็นคณะกรรมการผู้ชำระบัญชีของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา และกำหนดวิธีการชำระบัญชี โดยให้บรรดาทรัพย์สินของทุนรักษาระดับฯ ที่คงเหลืออยู่ให้ส่งเข้าบัญชีเงินคงคลัง ภายหลังวันถึงที่สุดแห่งการชำระบัญชี
3. กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลและรับผิดชอบภาระด้านคดีของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ยังค้างพิจารณาอยู่ในศาล รวมทั้งให้โอนพนักงานปัจจุบันของทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา เป็นพนักงานของธนาคารแห่งประเทศไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 30 มกราคม 2550--จบ--