คณะรัฐมนตรีพิจารณาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 ผ่อนผันให้อยู่ชั่วคราว 1 ปี ของบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอแล้วมีมติดังนี้
1. เห็นชอบโครงการเร่งรัดให้สถานะตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปีงบประมาณ 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,139,220 บาท
2. เห็นชอบให้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าว ตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
2.1 รัฐบาลต้องมีนโยบายให้สัญชาติ
2.2 เป็นบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ที่บิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
2.3 มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยหรืออาศัยอยู่ในเขตควบคุมหรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร. 13)
2.4 จะต้องมีทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวที่ทางราชการกำหนด
2.5 เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งเฉพาะรายให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2.1 - 2.4 ได้สัญชาติไทยแล้ว หากมีข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังว่ามีพฤติการณ์ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ก็ให้หน่วยงานรับผิดชอบ ถอนสัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด
กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า เนื่องจากกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่จะดำเนินการให้สถานะตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 มีเป็นจำนวนมาก การดำเนินการในระบบปกติ ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งรัดการกำหนดสถานะบุคคลตามกฎหมายให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการเร่งรัดการให้สถานะตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ 2548 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,139,220 บาท เพื่อใช้ในการบริหารและจัดการกับปัญหาและอุปสรรคข้างต้นโดยการดำเนินการ ประกอบด้วย
1. จัดสรรงบประมาณให้อำเภอ จังหวัด เป็นค่าอาหารทำการนอกเวลาราชการและค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราว เนื่องจากเวลาปกติไม่สามารถปฏิบัติงานกับบุคคลเป้าหมายให้แล้วเสร็จเพราะมีงานที่ต้องปฏิบัติปกติเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีบุคลากรไม่เพียงพอและใช้เป็นค่าเบี้ยประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาให้สถานะระดับจังหวัด
2. จัดสรรงบประมาณสำหรับส่วนกลางเป็นค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการพิจารณาให้สถานะระดับกระทรวง ค่าอาหารทำการนอกเวลาราชการ เนื่องจากมีปริมาณงานเป็นจำนวนมากในเวลาปกติ และเป็นค่าใช้จ่ายของคณะทำงานที่ออกไปช่วยเหลือการปฏิบัติงานของอำเภอ จังหวัด รวมทั้งให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือการตรวจสอบคำร้องและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ยื่นคำร้องเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจัดทำเอกสาร คู่มือ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานรวมถึงการออกปฏิบัติงานภาคสนามเพื่อให้สถานะตามกฎหมายด้วย
3. ในการพิจารณาให้สัญชาติไทยกับกลุ่มบุคคลเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 จะต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2535 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดในการพิจารณาตรวจสอบหลายเรื่องและหลายขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทำให้การพิจารณาให้สัญชาติไทย สำหรับกลุ่มเป้าหมายต้องใช้เวลานานโดยเฉพาะการตรวจสอบพฤติการณ์บุคคล จึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และไม่สามารถดำเนินการให้สัญชาติไทยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ข้างต้นให้สำเร็จโดยรวดเร็วได้ก่อให้เกิดปัญหาร้องเรียนเพื่อเรียกร้องสิทธิการได้สัญชาติไทยจากบุตรคนต่างด้าว ฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีสัญชาติไทยตามมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจาณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยดังกล่าว เพื่อใช้พิจารณากับบุตรคนต่างด้าวที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้สัญชาติไทยไว้แล้ว โดยมีหลักการในการปรับปรุงว่าต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและสิทธิที่บุคคลพึงจะได้รับและสะดวกรวดเร็วต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่บุตรคนต่างด้าวดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--
1. เห็นชอบโครงการเร่งรัดให้สถานะตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปีงบประมาณ 2548 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,139,220 บาท
2. เห็นชอบให้ใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าว ตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
2.1 รัฐบาลต้องมีนโยบายให้สัญชาติ
2.2 เป็นบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ที่บิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ตามมาตรา 7 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. 2508 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
2.3 มีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยหรืออาศัยอยู่ในเขตควบคุมหรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (ท.ร. 13)
2.4 จะต้องมีทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวที่ทางราชการกำหนด
2.5 เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งเฉพาะรายให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2.1 - 2.4 ได้สัญชาติไทยแล้ว หากมีข้อเท็จจริงปรากฏภายหลังว่ามีพฤติการณ์ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ก็ให้หน่วยงานรับผิดชอบ ถอนสัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด
กระทรวงมหาดไทยรายงานว่า เนื่องจากกลุ่มบุคคลเป้าหมายที่จะดำเนินการให้สถานะตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 มีเป็นจำนวนมาก การดำเนินการในระบบปกติ ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเร่งรัดการกำหนดสถานะบุคคลตามกฎหมายให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงได้จัดทำโครงการเร่งรัดการให้สถานะตามกฎหมายกับกลุ่มบุคคลบนพื้นที่สูงและชุมชนบนพื้นที่สูงตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณเงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ 2548 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 9,139,220 บาท เพื่อใช้ในการบริหารและจัดการกับปัญหาและอุปสรรคข้างต้นโดยการดำเนินการ ประกอบด้วย
1. จัดสรรงบประมาณให้อำเภอ จังหวัด เป็นค่าอาหารทำการนอกเวลาราชการและค่าจ้างลูกจ้างชั่วคราว เนื่องจากเวลาปกติไม่สามารถปฏิบัติงานกับบุคคลเป้าหมายให้แล้วเสร็จเพราะมีงานที่ต้องปฏิบัติปกติเป็นจำนวนมาก ประกอบกับมีบุคลากรไม่เพียงพอและใช้เป็นค่าเบี้ยประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาให้สถานะระดับจังหวัด
2. จัดสรรงบประมาณสำหรับส่วนกลางเป็นค่าเบี้ยประชุมของคณะกรรมการพิจารณาให้สถานะระดับกระทรวง ค่าอาหารทำการนอกเวลาราชการ เนื่องจากมีปริมาณงานเป็นจำนวนมากในเวลาปกติ และเป็นค่าใช้จ่ายของคณะทำงานที่ออกไปช่วยเหลือการปฏิบัติงานของอำเภอ จังหวัด รวมทั้งให้คำปรึกษา แนะนำ และช่วยเหลือการตรวจสอบคำร้องและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีผู้ยื่นคำร้องเป็นจำนวนมาก รวมทั้งจัดทำเอกสาร คู่มือ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานรวมถึงการออกปฏิบัติงานภาคสนามเพื่อให้สถานะตามกฎหมายด้วย
3. ในการพิจารณาให้สัญชาติไทยกับกลุ่มบุคคลเป้าหมายตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547 จะต้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2535 ที่ได้กำหนดหลักเกณฑ์รายละเอียดในการพิจารณาตรวจสอบหลายเรื่องและหลายขั้นตอนที่ยุ่งยาก ทำให้การพิจารณาให้สัญชาติไทย สำหรับกลุ่มเป้าหมายต้องใช้เวลานานโดยเฉพาะการตรวจสอบพฤติการณ์บุคคล จึงไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และไม่สามารถดำเนินการให้สัญชาติไทยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ข้างต้นให้สำเร็จโดยรวดเร็วได้ก่อให้เกิดปัญหาร้องเรียนเพื่อเรียกร้องสิทธิการได้สัญชาติไทยจากบุตรคนต่างด้าว ฯ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไม่มีสัญชาติไทยตามมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ในการนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจาณาให้สัญชาติไทยกับบุตรคนต่างด้าวที่เกิดในประเทศไทยดังกล่าว เพื่อใช้พิจารณากับบุตรคนต่างด้าวที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้สัญชาติไทยไว้แล้ว โดยมีหลักการในการปรับปรุงว่าต้องไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมและสิทธิที่บุคคลพึงจะได้รับและสะดวกรวดเร็วต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ โดยปรับปรุงหลักเกณฑ์การพิจารณาให้สัญชาติไทยแก่บุตรคนต่างด้าวดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--