คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินปูนบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษเพิ่มขึ้นจากโควตาปกติ (วงเงินเลื่อนขั้นร้อยละ 6.5 ของเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือน) โดยกำหนดให้ได้รับโควตาพิเศษในอัตราร้อยละ 1 ของอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนในพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานประจำของศูนย์เฉพาะกิจร่วมป้องกันการก่อวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 522 คน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พิจารณาภาพรวมทั้งหมด
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยในการประชุม ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2549 มีมติเห็นชอบให้พนักงานที่ปฏิบัติงานประจำภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดด้านความมั่นคงในเขตพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ของศูนย์เฉพาะกิจร่วมป้องกันการก่อวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 522 คน ได้รับการพิจารณาปูนบำเหน็จประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นกรณีพิเศษเพิ่มขึ้นจากโควตาปกติ (วงเงินเลื่อนขั้นร้อยละ 6.5 ของเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือน) โดยกำหนดให้ได้รับโควตาพิเศษในอัตราร้อยละ 1 ของอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนในพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าว
2. กระทรวงคมนาคม ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติวงเงินปูนบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานประจำในพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังได้แจ้งผลการพิจารณา ดังนี้
2.1 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 เป็นมติที่ใช้บังคับครอบคลุมเฉพาะข้าราชการ พลเรือนสามัญ ข้าราชการอื่น และลูกจ้างของส่วนราชการเท่านั้น
2.2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (10 กรกฎาคม 2538) กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไรพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีได้ภายใต้วงเงินไม่เกินร้อยละ 7.5 และไม่เกินร้อยละ 6.5 ของจำนวนเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน และให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่จะพิจารณาภายในวงเงินสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีที่กำหนด ดังนั้น กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยขอปูนบำเหน็จความชอบเกินกว่าวงเงินสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีที่กำหนด (เพิ่มขึ้นจากโควตาปกติ) จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มกราคม 2550--จบ--
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. คณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยในการประชุม ครั้งที่ 3/2549 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2549 มีมติเห็นชอบให้พนักงานที่ปฏิบัติงานประจำภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดด้านความมั่นคงในเขตพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส ของศูนย์เฉพาะกิจร่วมป้องกันการก่อวินาศภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 522 คน ได้รับการพิจารณาปูนบำเหน็จประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เป็นกรณีพิเศษเพิ่มขึ้นจากโควตาปกติ (วงเงินเลื่อนขั้นร้อยละ 6.5 ของเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือน) โดยกำหนดให้ได้รับโควตาพิเศษในอัตราร้อยละ 1 ของอัตราเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนในพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าว
2. กระทรวงคมนาคม ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติวงเงินปูนบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานประจำในพื้นที่ชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังได้แจ้งผลการพิจารณา ดังนี้
2.1 มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2547 เป็นมติที่ใช้บังคับครอบคลุมเฉพาะข้าราชการ พลเรือนสามัญ ข้าราชการอื่น และลูกจ้างของส่วนราชการเท่านั้น
2.2 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (10 กรกฎาคม 2538) กำหนดให้รัฐวิสาหกิจที่มีผลกำไรพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีได้ภายใต้วงเงินไม่เกินร้อยละ 7.5 และไม่เกินร้อยละ 6.5 ของจำนวนเงินเดือนค่าจ้างของพนักงานและลูกจ้างที่มีสิทธิเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีสำหรับรัฐวิสาหกิจที่ขาดทุน และให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจที่จะพิจารณาภายในวงเงินสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีที่กำหนด ดังนั้น กรณีการรถไฟแห่งประเทศไทยขอปูนบำเหน็จความชอบเกินกว่าวงเงินสำหรับการเลื่อนขั้นเงินเดือนค่าจ้างประจำปีที่กำหนด (เพิ่มขึ้นจากโควตาปกติ) จำเป็นต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีก่อนจึงจะดำเนินการต่อไปได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มกราคม 2550--จบ--