คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ที่ภาชนะหรือหีบห่อบรรจุวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิต พ.ศ. .... เสร็จแล้ว ได้แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงเป็น “ร่างกฎกระทรวงกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ พ.ศ. ....” ทั้งนี้ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และได้เพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อยกเว้นมิให้นำข้อกำหนดของเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์มาใช้บังคับกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออก เนื่องจากเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออกควรเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า พร้อมทั้งได้แก้ไขถ้อยคำในร่างกฎกระทรวงเล็กน้อยเพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้วัตถุ ออกฤทธิ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2520) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 และกฎกระทรวงฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518
2. ให้ผู้รับอนุญาตผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 ต้องจัดทำฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ให้แล้วเสร็จก่อนขายหรือส่งออก ฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์นั้นต้องเป็นไปตามที่ได้ขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับไว้
3. กำหนดรายการที่ต้องแสดงในฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อใช้สำหรับสัตว์
4. กำหนดรายการที่ต้องแสดงในฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออก ทั้งกรณีที่เป็นฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ผลิตเพื่อส่งออกและผลิตเพื่อใช้สำหรับสัตว์เท่านั้น
5. ให้ฉลาก เอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ คำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทย ถ้ามีข้อความเป็นภาษาต่างประเทศรวมอยู่ด้วย ต้องไม่ขัดกับข้อความภาษาไทย
6. กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับกรณีที่ผู้รับอนุญาตได้จัดทำฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ไว้ก่อนแล้ว ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์นั้นสิ้นอายุ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 มีนาคม 2550--จบ--
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการายงานว่า ได้ตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ที่ภาชนะหรือหีบห่อบรรจุวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิต พ.ศ. .... เสร็จแล้ว ได้แก้ไขชื่อร่างกฎกระทรวงเป็น “ร่างกฎกระทรวงกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ พ.ศ. ....” ทั้งนี้ เพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น และได้เพิ่มเติมบทบัญญัติเพื่อยกเว้นมิให้นำข้อกำหนดของเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์มาใช้บังคับกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออก เนื่องจากเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออกควรเป็นไปตามข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า พร้อมทั้งได้แก้ไขถ้อยคำในร่างกฎกระทรวงเล็กน้อยเพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย จึงได้เสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือน หรือข้อควรระวังการใช้วัตถุ ออกฤทธิ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 14 (พ.ศ. 2520) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 และกฎกระทรวงฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518
2. ให้ผู้รับอนุญาตผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 3 หรือประเภท 4 ต้องจัดทำฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ให้แล้วเสร็จก่อนขายหรือส่งออก ฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์นั้นต้องเป็นไปตามที่ได้ขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับไว้
3. กำหนดรายการที่ต้องแสดงในฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อใช้สำหรับสัตว์
4. กำหนดรายการที่ต้องแสดงในฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อส่งออก ทั้งกรณีที่เป็นฉลากของวัตถุออกฤทธิ์ที่ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ ผลิตเพื่อส่งออกและผลิตเพื่อใช้สำหรับสัตว์เท่านั้น
5. ให้ฉลาก เอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ คำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทย ถ้ามีข้อความเป็นภาษาต่างประเทศรวมอยู่ด้วย ต้องไม่ขัดกับข้อความภาษาไทย
6. กำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อรองรับกรณีที่ผู้รับอนุญาตได้จัดทำฉลากและเอกสารกำกับวัตถุออกฤทธิ์ หรือคำเตือนหรือข้อควรระวังการใช้วัตถุออกฤทธิ์ไว้ก่อนแล้ว ให้ใช้ได้ต่อไปจนกว่าใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตำรับที่มีวัตถุออกฤทธิ์นั้นสิ้นอายุ แต่ต้องไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 มีนาคม 2550--จบ--