คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกีฬาอาชีพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพจะต้องไม่มีฐานะเป็นหน่วยงานระดับกรม และไม่จัดตั้งกองทุนขึ้นใหม่ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติกีฬาอาชีพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้มีคณะกรรมการกีฬาอาชีพ (กอช.) ประกอบด้วย ประธานกรรมการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพากร เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนนักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ ผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ และสมาคมกีฬาอาชีพ ฝ่ายละหนึ่งคน และกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน โดยมีรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยคนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยแต่งตั้งเป็นเลขานุการ (ร่างมาตรา 6)
2. ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมกีฬาอาชีพต่อ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ กำกับดูแล กำหนดมาตรการช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุนนักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ และผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ กำหนดชนิดกีฬา มาตรฐานความปลอดภัย มาตรฐานการแข่งขัน และจรรยาบรรณของนักกีฬาอาชีพให้สอดคล้องกับมาตรฐานและจรรยาบรรณกีฬาอาชีพระหว่างประเทศ รวมทั้งออกระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนของผู้ตัดสินและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนหรือส่วนแบ่งระหว่างนักกีฬาอาชีพไป ผู้ฝึกสอนหรือบุคลากรกีฬาอาชีพ (ร่างมาตรา 10)
3. ให้สำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพในการกีฬาแห่งประเทศไทยมีผู้อำนวยการซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง และผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ (ร่างมาตรา 13)
4. กำหนดให้บุคคลที่ประสงค์จะเป็นนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวต่อนายทะเบียน (ร่างมาตรา 15 — ร่างมาตรา 17)
5. กำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพหรือการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพแต่ละรายการ ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายทะเบียน และในการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพหรือประกอบกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการแข่งขันกีฬาอาชีพแต่ละรายการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพจัดให้มีมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานการแข่งขันสำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยกำหนดหลักประกันขั้นพื้นฐานไว้ (ร่างมาตรา 18 — ร่างมาตรา 26)
6. กำหนดบทบัญญัติคุ้มครองกีฬาอาชีพ โดยห้ามผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพ ผู้ตัดสิน หรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้กระทำการแข่งขันกีฬาอาชีพไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งห้ามเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น เพื่อทำให้การแข่งขันหรือตัดสินการแข่งขันไม่เป็นไปตามระเบียบ กติกาการแข่งขันหรือใช้ดุลพินิจอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม (ร่างมาตรา 27 — ร่างมาตรา 31)
7. ให้มีกองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพเป็นทุนหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการวิจัย การพัฒนา การฟื้นฟู การศึกษา การเผยแพร่ และการพัฒนากีฬาอาชีพ โดยกองทุนประกอบด้วย เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าตอบแทนอื่นสิทธิประโยชน์ที่ได้จากการจัดการลิขสิทธิ์ เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค เป็นต้น (ร่างมาตรา 32 — ร่างมาตรา 35)
8. กำหนดให้มีการอุทธรณ์กรณีที่นักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ หรือผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ แล้วแต่กรณี ถูกเพิกถอนบัตรประจำตัวหรือถูกเพิกถอนหนังสืออนุญาต (ร่างมาตรา 36)
9. กำหนดให้นายทะเบียนมีอำนาจเข้าไปในสถานประกอบการ สถานที่จัดการแข่งขันกีฬาหรือสถานที่ อื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อตรวจสอบอาคารสถานที่ อุปกรณ์การแข่งขันกีฬา และมีหนังสือเรียก ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ส่งเอกสารหรือวัตถุที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 37 — ร่างมาตรา 40)
10. กำหนดให้ผู้ที่จัดการแข่งขันกีฬาอาชีพหรือผู้ประกอบการกีฬาอาชีพอยู่แล้ว ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะประกอบกิจการดังกล่าวต่อไปให้ยื่นคำขอรับอนุญาต ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพอยู่แล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับถ้าประสงค์จะเป็นนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพต่อไป ต้องยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 48 — ร่างมาตรา 49)
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอว่า กีฬาอาชีพเป็นกิจกรรมที่นานาประเทศได้ให้ความสำคัญและใช้เป็นมาตรการในการเสริมสร้างรายได้และการอาชีพแก่นักกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศ แต่โดยที่กิจกรรมกีฬาอาชีพเป็นธุรกรรมที่ดำเนินการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในทางธุรกิจทุกระดับ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่สอดคล้องควบคุมการกีฬาอาชีพและส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาอาชีพให้มีมาตรฐานมีเพียงพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ซึ่งมีบทบัญญัติครอบคลุมเฉพาะกีฬามวยอาชีพจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติกีฬาอาชีพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. กำหนดให้มีคณะกรรมการกีฬาอาชีพ (กอช.) ประกอบด้วย ประธานกรรมการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสรรพากร เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนนักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ ผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ และสมาคมกีฬาอาชีพ ฝ่ายละหนึ่งคน และกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวนห้าคน โดยมีรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยคนหนึ่ง ซึ่งผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทยแต่งตั้งเป็นเลขานุการ (ร่างมาตรา 6)
2. ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการเสนอนโยบายเกี่ยวกับแนวทางในการส่งเสริมกีฬาอาชีพต่อ คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ กำกับดูแล กำหนดมาตรการช่วยเหลือ ส่งเสริม และสนับสนุนนักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ และผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ กำหนดชนิดกีฬา มาตรฐานความปลอดภัย มาตรฐานการแข่งขัน และจรรยาบรรณของนักกีฬาอาชีพให้สอดคล้องกับมาตรฐานและจรรยาบรรณกีฬาอาชีพระหว่างประเทศ รวมทั้งออกระเบียบเกี่ยวกับการจ่ายค่าตอบแทนของผู้ตัดสินและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าตอบแทนหรือส่วนแบ่งระหว่างนักกีฬาอาชีพไป ผู้ฝึกสอนหรือบุคลากรกีฬาอาชีพ (ร่างมาตรา 10)
3. ให้สำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพในการกีฬาแห่งประเทศไทยมีผู้อำนวยการซึ่งดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการฝ่ายหรือเทียบเท่าเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้าง และผู้รับผิดชอบการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการกีฬาอาชีพ (ร่างมาตรา 13)
4. กำหนดให้บุคคลที่ประสงค์จะเป็นนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวต่อนายทะเบียน (ร่างมาตรา 15 — ร่างมาตรา 17)
5. กำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพหรือการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพแต่ละรายการ ต้องได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากนายทะเบียน และในการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพหรือประกอบกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการแข่งขันกีฬาอาชีพแต่ละรายการ ให้ผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพจัดให้มีมาตรฐานความปลอดภัยและมาตรฐานการแข่งขันสำหรับนักกีฬาอาชีพและบุคลากรกีฬาอาชีพตามที่คณะกรรมการกำหนด โดยกำหนดหลักประกันขั้นพื้นฐานไว้ (ร่างมาตรา 18 — ร่างมาตรา 26)
6. กำหนดบทบัญญัติคุ้มครองกีฬาอาชีพ โดยห้ามผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่นักกีฬาอาชีพ ผู้ตัดสิน หรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้กระทำการแข่งขันกีฬาอาชีพไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม รวมทั้งห้ามเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่น เพื่อทำให้การแข่งขันหรือตัดสินการแข่งขันไม่เป็นไปตามระเบียบ กติกาการแข่งขันหรือใช้ดุลพินิจอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม (ร่างมาตรา 27 — ร่างมาตรา 31)
7. ให้มีกองทุนส่งเสริมกีฬาอาชีพเป็นทุนหมุนเวียน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมเพื่อการวิจัย การพัฒนา การฟื้นฟู การศึกษา การเผยแพร่ และการพัฒนากีฬาอาชีพ โดยกองทุนประกอบด้วย เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินอุดหนุนจากรัฐบาลหรือที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็น ค่าธรรมเนียม ค่าบริการ หรือค่าตอบแทนอื่นสิทธิประโยชน์ที่ได้จากการจัดการลิขสิทธิ์ เงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการบริจาค เป็นต้น (ร่างมาตรา 32 — ร่างมาตรา 35)
8. กำหนดให้มีการอุทธรณ์กรณีที่นักกีฬาอาชีพ บุคลากรกีฬาอาชีพ หรือผู้ประกอบธุรกิจกีฬาอาชีพ แล้วแต่กรณี ถูกเพิกถอนบัตรประจำตัวหรือถูกเพิกถอนหนังสืออนุญาต (ร่างมาตรา 36)
9. กำหนดให้นายทะเบียนมีอำนาจเข้าไปในสถานประกอบการ สถานที่จัดการแข่งขันกีฬาหรือสถานที่ อื่นใดที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อตรวจสอบอาคารสถานที่ อุปกรณ์การแข่งขันกีฬา และมีหนังสือเรียก ผู้ซึ่งเกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ ส่งเอกสารหรือวัตถุที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาได้ โดยพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา (ร่างมาตรา 37 — ร่างมาตรา 40)
10. กำหนดให้ผู้ที่จัดการแข่งขันกีฬาอาชีพหรือผู้ประกอบการกีฬาอาชีพอยู่แล้ว ก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าประสงค์จะประกอบกิจการดังกล่าวต่อไปให้ยื่นคำขอรับอนุญาต ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพอยู่แล้วก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัตินี้ ใช้บังคับถ้าประสงค์จะเป็นนักกีฬาอาชีพหรือบุคลากรกีฬาอาชีพต่อไป ต้องยื่นคำขอมีบัตรประจำตัวภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ (ร่างมาตรา 48 — ร่างมาตรา 49)
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอว่า กีฬาอาชีพเป็นกิจกรรมที่นานาประเทศได้ให้ความสำคัญและใช้เป็นมาตรการในการเสริมสร้างรายได้และการอาชีพแก่นักกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติภูมิของประเทศ แต่โดยที่กิจกรรมกีฬาอาชีพเป็นธุรกรรมที่ดำเนินการทั้งในประเทศและต่างประเทศ และมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในทางธุรกิจทุกระดับ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายที่สอดคล้องควบคุมการกีฬาอาชีพและส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬาอาชีพให้มีมาตรฐานมีเพียงพระราชบัญญัติกีฬามวย พ.ศ.2542 ซึ่งมีบทบัญญัติครอบคลุมเฉพาะกีฬามวยอาชีพจึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--