คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอว่า โดยที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2549 ทำให้สำนักพัฒนาเกษตรที่สูง ซึ่งเดิมสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชนในชื่อสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. 2547 เพื่อให้การบริหารงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวงสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างเหมาะสม เป็นระบบมีประสิทธิภาพและครอบคลุมการดำเนินงานในเชิงนโยบาย และการประสานงานระดับชาติในการขยายผลของโครงการหลวงไปยังพื้นที่สูงส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวงได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้วในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 จึงได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. 2547
2. กำหนดนิยาม “งานโครงการหลวง” “หน่วยงานของรัฐ” “กปส.” (ร่างข้อ 4)
3. ปรับปรุงองค์ประกอบของ “คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง” (กปส.) โดยเพิ่มปลัดกระทรวงพาณิชย์และเลขาธิการ กปร. เป็นกรรมการ และปรับปรุงฝ่ายเลขานุการ โดยให้ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูงเป็นผู้ช่วยเลขานุการแทนผู้แทนสำนักงบประมาณ และตัดผู้แทนสำนักงบประมาณออก เนื่องจากมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นกรรมการอยู่แล้ว (ร่างข้อ 6)
4. กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุมของคณะกรรมการ (ร่างข้อ 7-9)
5. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่พิจารณาและกำหนดนโยบายแผนงานโครงการและแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง ควบคุม กำกับดูแล ติดตามผล และประสานการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของโครงการหลวงได้ตามความเหมาะสม เป็นต้น (ร่างข้อ 10)
6. ให้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.) เป็นสำนักงานเลขานุการของ กปส. และให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในงานด้านวิชาการ ประสานงานและงานธุรการของ กปส. (ร่างข้อ 11 และร่างข้อ 12)
7. ค่าใช้จ่ายสำหรับ กปส. คณะอนุกรรมการ คณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กปส. เจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานโครงการหลวง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดที่จำเป็นอย่างอื่นให้เบิกจ่ายจากเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่ สวพส. แต่ในกรณีที่เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้จ่ายจากเงินงบประมาณของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนั้นได้ การให้คำรับรองผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการหลวง ให้ กปส. พิจารณาจากข้อเสนอแนะของมูลนิธิโครงการหลวง (ร่างข้อ 13 และร่างข้อ 14)
8. ให้ สวพส. เป็นผู้พิจารณาและรวบรวมคำของบประมาณของหน่วยงานของรัฐ การแจ้งอนุมัติงาน โครงการ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ (ร่างข้อ 15 — ร่างข้อ 19)
9. กำหนดให้มีบทเฉพาะกาลเพื่อให้หลักเกณฑ์ นโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งแผนงาน โครงการ กิจกรรม งบประมาณที่ได้รับอนุมัติแล้วตามระเบียบเดิมให้มีผลต่อไป และเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขปรับปรุงระเบียบในส่วนของคำนิยาม “หน่วยงานของรัฐ” “คณะอนุกรรมการ” และ “คณะทำงาน” (ร่างข้อ 23 และร่างข้อ 24)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 เมษายน 2550--จบ--
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอว่า โดยที่ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2548 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2549 ทำให้สำนักพัฒนาเกษตรที่สูง ซึ่งเดิมสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เปลี่ยนสภาพเป็นองค์การมหาชนในชื่อสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูง จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. 2547 เพื่อให้การบริหารงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวงสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างเหมาะสม เป็นระบบมีประสิทธิภาพและครอบคลุมการดำเนินงานในเชิงนโยบาย และการประสานงานระดับชาติในการขยายผลของโครงการหลวงไปยังพื้นที่สูงส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวงได้มีมติเห็นชอบด้วยแล้วในการประชุมเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2549 จึงได้เสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญดังนี้
1. ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. 2547
2. กำหนดนิยาม “งานโครงการหลวง” “หน่วยงานของรัฐ” “กปส.” (ร่างข้อ 4)
3. ปรับปรุงองค์ประกอบของ “คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนโครงการหลวง” (กปส.) โดยเพิ่มปลัดกระทรวงพาณิชย์และเลขาธิการ กปร. เป็นกรรมการ และปรับปรุงฝ่ายเลขานุการ โดยให้ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาที่สูงเป็นผู้ช่วยเลขานุการแทนผู้แทนสำนักงบประมาณ และตัดผู้แทนสำนักงบประมาณออก เนื่องจากมีผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเป็นกรรมการอยู่แล้ว (ร่างข้อ 6)
4. กำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง การประชุมของคณะกรรมการ (ร่างข้อ 7-9)
5. คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่พิจารณาและกำหนดนโยบายแผนงานโครงการและแนวทางการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง ควบคุม กำกับดูแล ติดตามผล และประสานการดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ หรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานของโครงการหลวงได้ตามความเหมาะสม เป็นต้น (ร่างข้อ 10)
6. ให้จัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) (สวพส.) เป็นสำนักงานเลขานุการของ กปส. และให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในงานด้านวิชาการ ประสานงานและงานธุรการของ กปส. (ร่างข้อ 11 และร่างข้อ 12)
7. ค่าใช้จ่ายสำหรับ กปส. คณะอนุกรรมการ คณะทำงานที่แต่งตั้งโดย กปส. เจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติงานโครงการหลวง รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นใดที่จำเป็นอย่างอื่นให้เบิกจ่ายจากเงินค่าใช้จ่ายในการบริหารงานที่ สวพส. แต่ในกรณีที่เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้จ่ายจากเงินงบประมาณของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องนั้นได้ การให้คำรับรองผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโครงการหลวง ให้ กปส. พิจารณาจากข้อเสนอแนะของมูลนิธิโครงการหลวง (ร่างข้อ 13 และร่างข้อ 14)
8. ให้ สวพส. เป็นผู้พิจารณาและรวบรวมคำของบประมาณของหน่วยงานของรัฐ การแจ้งอนุมัติงาน โครงการ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ (ร่างข้อ 15 — ร่างข้อ 19)
9. กำหนดให้มีบทเฉพาะกาลเพื่อให้หลักเกณฑ์ นโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน รวมทั้งแผนงาน โครงการ กิจกรรม งบประมาณที่ได้รับอนุมัติแล้วตามระเบียบเดิมให้มีผลต่อไป และเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขปรับปรุงระเบียบในส่วนของคำนิยาม “หน่วยงานของรัฐ” “คณะอนุกรรมการ” และ “คณะทำงาน” (ร่างข้อ 23 และร่างข้อ 24)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 เมษายน 2550--จบ--