รายงานผลการพิจารณาและศึกษาพันธกรณีต่าง ๆ ของไทยตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ
ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการพิจารณาและศึกษาพันธกรณีต่าง ๆ ของไทยตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003
2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา รวมกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพื่อเสนออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตฯ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “คำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน” และ “คำพิพากษาให้ริบทรัพย์สิน” (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 ร่างมาตรา 3))
2. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศได้ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 12 (ร่างมาตรา 4))
3. กำหนดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ในกรณีที่ต่างประเทศร้องขอให้สอบปากคำพยานหรือขอสืบพยานหลักฐาน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 15 วรรคสาม และมาตรา 17 วรรคสาม (ร่างมาตรา 5 และมาตรา 7))
4. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการขอให้ศาลออกหมายค้น ค้น หรือ ยึดสิ่งของ (แก้ไขมาตรา 23 (ร่างมาตรา 9))
5. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยึด อายัด หรือริบทรัพย์สิน (แก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ 9 (ร่างมาตรา 10))
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาเพื่อประโยชน์ในการริบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการดังกล่าว (ร่างมาตรา 5 ถึงมาตรา 10)
2. กำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดอาญา (ร่างมาตรา 11 ถึงมาตรา 13)
3. กำหนดให้กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์หรืออยู่ในความครอบครองของผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหรือบุคคลภายนอก ซึ่งได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และกำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น อาจร้องต่อศาลก่อนมีคำสั่งว่า ตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือตนเป็นผู้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน หรือได้มาโดยสุจริตและตามสมควรในทางศีลธรรมหรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 14 และมาตรา 15)
4. กำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่มีการร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน อาจยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิของตนก่อนศาลมีคำสั่ง โดยแสดงว่าตนเป็นผู้รับประโยชน์และมีค่าตอบแทน หรือได้มาซึ่งประโยชน์โดยสุจริตและตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 16)
5. กำหนดให้ศาลไต่สวนคำร้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และคำร้องของผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินฟังไม่ขึ้น ให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน (ร่างมาตรา 17)
6. กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายได้เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และให้ศาลพิจารณาเป็นการด่วน ถ้าคำขอมีเหตุอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งตามที่ขอโดยไม่ชักช้า (ร่างมาตรา 18)
7. กำหนดให้การดำเนินการเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้โดยอนุโลม และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง (ร่างมาตรา 20)
8. กรณีมีคำพิพากษาของรัฐต่างประเทศว่าจำเลยกระทำความผิดอาญาและรัฐต่างประเทศนั้นสูญเสียทรัพย์สินเนื่องจากการกระทำความผิดนั้น หากทรัพย์สินที่พึงริบอยู่ในเขตอำนาจศาลไทย ให้รัฐต่างประเทศอาจดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาเพื่อติดตามทรัพย์สินคืน (ร่างมาตรา 21)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ
ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีรับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการพิจารณาและศึกษาพันธกรณีต่าง ๆ ของไทยตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ค.ศ. 2003
2. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา รวมกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักการแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการเพื่อเสนออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตฯ ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ ไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “คำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน” และ “คำพิพากษาให้ริบทรัพย์สิน” (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 4 ร่างมาตรา 3))
2. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง มีอำนาจดำเนินการตามคำร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศได้ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 12 (ร่างมาตรา 4))
3. กำหนดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ในกรณีที่ต่างประเทศร้องขอให้สอบปากคำพยานหรือขอสืบพยานหลักฐาน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 15 วรรคสาม และมาตรา 17 วรรคสาม (ร่างมาตรา 5 และมาตรา 7))
4. กำหนดให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการขอให้ศาลออกหมายค้น ค้น หรือ ยึดสิ่งของ (แก้ไขมาตรา 23 (ร่างมาตรา 9))
5. กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยึด อายัด หรือริบทรัพย์สิน (แก้ไขเพิ่มเติมส่วนที่ 9 (ร่างมาตรา 10))
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหน้าที่ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญาเพื่อประโยชน์ในการริบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัตินี้ และกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการดำเนินการดังกล่าว (ร่างมาตรา 5 ถึงมาตรา 10)
2. กำหนดวิธีการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดอาญา (ร่างมาตรา 11 ถึงมาตรา 13)
3. กำหนดให้กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยไม่ว่าจะเป็นกรรมสิทธิ์หรืออยู่ในความครอบครองของผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยหรือบุคคลภายนอก ซึ่งได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน และกำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้น อาจร้องต่อศาลก่อนมีคำสั่งว่า ตนเป็นเจ้าของที่แท้จริงและทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือตนเป็นผู้รับโอนโดยสุจริตและมีค่าตอบแทน หรือได้มาโดยสุจริตและตามสมควรในทางศีลธรรมหรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 14 และมาตรา 15)
4. กำหนดให้ผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้รับประโยชน์ในทรัพย์สินที่มีการร้องขอให้ตกเป็นของแผ่นดิน อาจยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิของตนก่อนศาลมีคำสั่ง โดยแสดงว่าตนเป็นผู้รับประโยชน์และมีค่าตอบแทน หรือได้มาซึ่งประโยชน์โดยสุจริตและตามสมควรในทางศีลธรรมอันดี หรือในทางกุศลสาธารณะ (ร่างมาตรา 16)
5. กำหนดให้ศาลไต่สวนคำร้องของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากเชื่อว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และคำร้องของผู้ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินฟังไม่ขึ้น ให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน (ร่างมาตรา 17)
6. กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจยื่นคำขอฝ่ายเดียวให้ศาลมีคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ได้มาโดยปราศจากมูลอันจะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมายได้เพื่อป้องกันการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สิน และให้ศาลพิจารณาเป็นการด่วน ถ้าคำขอมีเหตุอันสมควรให้ศาลมีคำสั่งตามที่ขอโดยไม่ชักช้า (ร่างมาตรา 18)
7. กำหนดให้การดำเนินการเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้โดยอนุโลม และให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง (ร่างมาตรา 20)
8. กรณีมีคำพิพากษาของรัฐต่างประเทศว่าจำเลยกระทำความผิดอาญาและรัฐต่างประเทศนั้นสูญเสียทรัพย์สินเนื่องจากการกระทำความผิดนั้น หากทรัพย์สินที่พึงริบอยู่ในเขตอำนาจศาลไทย ให้รัฐต่างประเทศอาจดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาเพื่อติดตามทรัพย์สินคืน (ร่างมาตรา 21)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 สิงหาคม 2550--จบ--