คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... (สิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. ประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ แต่เนื่องจากมีความจำเป็นเพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัทนำหลักทรัพย์ที่ได้ออกไว้ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในตลาด โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบกับเพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในตลาดทุนและเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง เห็นสมควรลดอัตราภาษีเงินได้จากร้อยละ 30 คงเก็บในอัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 20 สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้วแต่กรณี
2. การให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จำนวนหนึ่งแต่จะทำให้บริษัทมีโอกาสขยายการลงทุนได้มากขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมและทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราภาษีเงินได้จากอัตราร้อยละ 30 เป็นอัตราร้อยละ 20 และอัตราร้อยละ 25 ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ MAI หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วแต่กรณี ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
พ.ศ. 2550 เป็นระยะเวลาไม่เกินสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. ประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเสียภาษีในอัตราร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ แต่เนื่องจากมีความจำเป็นเพื่อเป็นการจูงใจให้บริษัทนำหลักทรัพย์ที่ได้ออกไว้ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในตลาด โดยเฉพาะในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบกับเพื่อเป็นการสนับสนุนการลงทุนในตลาดทุนและเพิ่มจำนวนบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง เห็นสมควรลดอัตราภาษีเงินได้จากร้อยละ 30 คงเก็บในอัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 20 สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลซึ่งเป็นบริษัทที่นำหลักทรัพย์มาจดทะเบียนกับตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือตลาดหลักทรัพย์ MAI แล้วแต่กรณี
2. การให้สิทธิประโยชน์ดังกล่าวจะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จำนวนหนึ่งแต่จะทำให้บริษัทมีโอกาสขยายการลงทุนได้มากขึ้น อันจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมและทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เพิ่มขึ้นในระยะยาว จึงได้เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ
ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สิทธิประโยชน์ภาษีสำหรับบริษัทที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราภาษีเงินได้จากอัตราร้อยละ 30 เป็นอัตราร้อยละ 20 และอัตราร้อยละ 25 ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ MAI หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วแต่กรณี ระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2550 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม
พ.ศ. 2550 เป็นระยะเวลาไม่เกินสามรอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550--จบ--