คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการรับประกันภัยกรณีเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติจากคลื่นใต้น้ำ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ตามที่ได้เกิดแผ่นดินไหวในตอนเหนือของเกาะสุมาตรา และทำให้เกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติจากคลื่นใต้น้ำ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม 2547 เป็นผลให้ประชาชนทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเสียชีวิตและบาดเจ็บ รวมทั้งทรัพย์สินตลอดจนธรรมชาติใน จังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา สตูล ตรัง และระนอง ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก นั้น กระทรวงพาณิชย์ ขอรายงานผลการดำเนินการในด้านการประกันภัย ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการประกันภัยดำเนินการ ดังนี้
1. ได้สำรวจการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัยซึ่งมีการประกันภัยต่าง ๆ ที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏข้อมูลในเบื้องต้น ณ 30 ธันวาคม 2547 ดังนี้
1.1 มีบริษัทประกันชีวิต จำนวน 11 บริษัท ที่รับประกันชีวิตของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตซึ่งสามารถระบุรายชื่อในขณะนี้จำนวน 75 ราย คิดเป็นความเสียหาย 35 ล้านบาท
1.2 มีบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 38 บริษัท ที่รับประกันภัยทรัพย์สินและบุคคลที่คาดว่าจะสูญเสียและเสียหาย จำนวน 9,970 ราย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้นประมาณ 38,518 ล้านบาท เมื่อพิจารณาการรับประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัยต่าง ๆ เท่าที่ปรากฏแล้ว พบว่า แม้จำนวนเงินเอาประกันภัยจะมีมูลค่าสูงถึง 38,518 ล้านบาท แต่บริษัทประกันภัยมีการจัดทำประกันภัยต่อไว้กับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือการรับเสี่ยงภัยไว้เอง (Net Retention) ประมาณไม่เกิน 1,900 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงของทรัพย์สินและบุคคลที่มีการทำประกันภัยไว้ที่เสียหายจริงจะเป็นความเสียหายเพียงบางส่วน (Partial Loss) ไม่ใช่ความเสียหายถึง 38,518 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทประกันวินาศภัยยังมีสัญญาประกันภัยต่อที่จำกัดความรับผิดของแต่ละบริษัทไว้ในรูปแบบสัญญา Excess of Loss หรือ Stop Loss Ratio อีกด้วย ซึ่งจำกัดความรับผิดในวงเงิน หรืออัตราค่าเสียหายขั้นสูงของบริษัทประกันภัย ส่วนเกินนั้นบริษัทประกันภัยต่อเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะนี้ยังไม่สามารถประมาณการความเสียหายที่แท้จริงได้ คาดว่าบริษัทประกันภัยในประเทศไทยจะรับผิดชอบจริงไม่เกิน 800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนที่บริษัทประกันภัยในประเทศต้องรับผิดชอบนั้นส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ที่มีขนาดเงินกองทุนเพียงพอ ดังนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทประกันภัยต่าง ๆ จะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างแน่นอน
2. ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ในด้านการประกันภัยไปแล้ว ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือเกี่ยวกับการประกันภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ณ ศาลากลางจังหวัด หรือ สำนักงานประกันภัยจังหวัด เพื่อให้ผู้ประสบภัยหรือทายาทได้รับทราบสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยและประสานงานกับบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เพื่อการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยกรมการประกันภัยได้จัดส่งข้าราชการระดับผู้บริหารไปดูแลการปฏิบัติงานในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งให้สมาคมประกันวินาศภัย และสมาคมประกันชีวิตไทย จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยประสานงานกับสาขาบริษัทประกันภัยทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2547 โดยให้รายงานผลให้ทราบความเสียหายต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ
2.2 เผยแพร่ข่าวเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันภัยประเภทต่าง ๆ
2.3 ได้มอบหมายผู้บริหารจากส่วนกลางและข้าราชการที่ประจำสำนักงานประกันภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ออกไปสำรวจ ตรวจเยี่ยม และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลและสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2547
2.4 จัดประชุมผู้จัดการสาขาและตัวแทน ของบริษัทประกันภัยให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองของการประกันภัยแต่ละประเภทอย่างชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
2.5 จัดเจ้าหน้าที่ประจำสายด่วนกรมการประกันภัย 1186 ให้เปิดบริการประชาชน ในช่วงวันหยุดราชการระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2547- 3 มกราคม 2548 ด้วย
2.6 จัดตั้งศูนย์ในการรับบริจาคเงิน สิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งขณะนี้กรมการประกันภัยและธุรกิจประกันภัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ สมาคมประกันวินาศภัย สมาคมประกันชีวิตไทย บริษัทประกันภัยต่าง ๆ ได้ร่วมกันบริจาค เงิน สิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบภัย โดย ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2547 มีมูลค่าการรับบริจาคที่ผ่านกรมการประกันภัยไปยังกระทรวงพาณิชย์ทั้งสิ้น 4,163,100 บาท และบริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ร่วมกับสำนักงานประกันภัยจังหวัดจัดขบวนคาราวาน เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุเป็นลำดับ รวมทั้งได้จัดรถยกและรถเครนไปร่วมช่วยเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่เสียหายด้วย นอกจากนี้บริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของ อุปโภคบริโภคผ่านหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย
3. กระทรวงพาณิชย์ จะได้รายงานความเสียหายที่ผู้ประสบภัยจะได้รับการจ่ายเงินผลประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย และผลความคืบหน้าในด้านการประกันภัยเป็นระยะ ๆ ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--
1. ได้สำรวจการรับประกันภัยของบริษัทประกันภัยซึ่งมีการประกันภัยต่าง ๆ ที่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว ปรากฏข้อมูลในเบื้องต้น ณ 30 ธันวาคม 2547 ดังนี้
1.1 มีบริษัทประกันชีวิต จำนวน 11 บริษัท ที่รับประกันชีวิตของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตซึ่งสามารถระบุรายชื่อในขณะนี้จำนวน 75 ราย คิดเป็นความเสียหาย 35 ล้านบาท
1.2 มีบริษัทประกันวินาศภัย จำนวน 38 บริษัท ที่รับประกันภัยทรัพย์สินและบุคคลที่คาดว่าจะสูญเสียและเสียหาย จำนวน 9,970 ราย โดยมีจำนวนเงินเอาประกันภัยเบื้องต้นประมาณ 38,518 ล้านบาท เมื่อพิจารณาการรับประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัยต่าง ๆ เท่าที่ปรากฏแล้ว พบว่า แม้จำนวนเงินเอาประกันภัยจะมีมูลค่าสูงถึง 38,518 ล้านบาท แต่บริษัทประกันภัยมีการจัดทำประกันภัยต่อไว้กับบริษัทประกันภัยในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือการรับเสี่ยงภัยไว้เอง (Net Retention) ประมาณไม่เกิน 1,900 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงของทรัพย์สินและบุคคลที่มีการทำประกันภัยไว้ที่เสียหายจริงจะเป็นความเสียหายเพียงบางส่วน (Partial Loss) ไม่ใช่ความเสียหายถึง 38,518 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทประกันวินาศภัยยังมีสัญญาประกันภัยต่อที่จำกัดความรับผิดของแต่ละบริษัทไว้ในรูปแบบสัญญา Excess of Loss หรือ Stop Loss Ratio อีกด้วย ซึ่งจำกัดความรับผิดในวงเงิน หรืออัตราค่าเสียหายขั้นสูงของบริษัทประกันภัย ส่วนเกินนั้นบริษัทประกันภัยต่อเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะนี้ยังไม่สามารถประมาณการความเสียหายที่แท้จริงได้ คาดว่าบริษัทประกันภัยในประเทศไทยจะรับผิดชอบจริงไม่เกิน 800 ล้านบาท อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นในส่วนที่บริษัทประกันภัยในประเทศต้องรับผิดชอบนั้นส่วนใหญ่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ที่มีขนาดเงินกองทุนเพียงพอ ดังนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวบริษัทประกันภัยต่าง ๆ จะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างแน่นอน
2. ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่าง ๆ ในด้านการประกันภัยไปแล้ว ดังนี้
2.1 จัดตั้งศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือเกี่ยวกับการประกันภัย ในจังหวัดต่าง ๆ ณ ศาลากลางจังหวัด หรือ สำนักงานประกันภัยจังหวัด เพื่อให้ผู้ประสบภัยหรือทายาทได้รับทราบสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยและประสานงานกับบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เพื่อการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม โดยกรมการประกันภัยได้จัดส่งข้าราชการระดับผู้บริหารไปดูแลการปฏิบัติงานในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งให้สมาคมประกันวินาศภัย และสมาคมประกันชีวิตไทย จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยประสานงานกับสาขาบริษัทประกันภัยทุกแห่ง ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2547 โดยให้รายงานผลให้ทราบความเสียหายต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ
2.2 เผยแพร่ข่าวเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบถึงความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันภัยประเภทต่าง ๆ
2.3 ได้มอบหมายผู้บริหารจากส่วนกลางและข้าราชการที่ประจำสำนักงานประกันภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ออกไปสำรวจ ตรวจเยี่ยม และให้ความช่วยเหลือแก่ผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลและสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2547
2.4 จัดประชุมผู้จัดการสาขาและตัวแทน ของบริษัทประกันภัยให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองของการประกันภัยแต่ละประเภทอย่างชัดเจนและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
2.5 จัดเจ้าหน้าที่ประจำสายด่วนกรมการประกันภัย 1186 ให้เปิดบริการประชาชน ในช่วงวันหยุดราชการระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2547- 3 มกราคม 2548 ด้วย
2.6 จัดตั้งศูนย์ในการรับบริจาคเงิน สิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งขณะนี้กรมการประกันภัยและธุรกิจประกันภัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ สมาคมประกันวินาศภัย สมาคมประกันชีวิตไทย บริษัทประกันภัยต่าง ๆ ได้ร่วมกันบริจาค เงิน สิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ประสบภัย โดย ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2547 มีมูลค่าการรับบริจาคที่ผ่านกรมการประกันภัยไปยังกระทรวงพาณิชย์ทั้งสิ้น 4,163,100 บาท และบริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ร่วมกับสำนักงานประกันภัยจังหวัดจัดขบวนคาราวาน เพื่อร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุเป็นลำดับ รวมทั้งได้จัดรถยกและรถเครนไปร่วมช่วยเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่เสียหายด้วย นอกจากนี้บริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของ อุปโภคบริโภคผ่านหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย
3. กระทรวงพาณิชย์ จะได้รายงานความเสียหายที่ผู้ประสบภัยจะได้รับการจ่ายเงินผลประโยชน์หรือค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย และผลความคืบหน้าในด้านการประกันภัยเป็นระยะ ๆ ต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--