คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการบริหารจัดการโควตานำเข้านมผงขาดมันเนยและน้ำนมดิบ ปี 2548 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. นมผงขาดมันเนย
1.1 ปริมาณที่เปิดตลาดรวม 57,200 ตัน โดยเป็นการเปิดตลาดตามข้อผูกพันกับ WTO จำนวน 55,000 ตัน และตามความตกลงการค้าเสรี TAFTA จำนวน 2,200 ตัน
1.2 การบริหารและการจัดสรรโควตามอบให้สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทยเป็นผู้บริหาร
1.3 สำหรับอัตราภาษีในโควตาที่เปิดตลาดตามข้อผูกผัน WTO และ TAFTA ให้คิดในอัตราร้อยละ 5 ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาสำหรับ WTO คิดร้อยละ 216 และ TAFTA คิดร้อยละ 194.4
2. น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม ปริมาณที่เปิดตลาดและอัตราภาษีในโควตาและอัตราภาษีนอกโควตาให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิมของกระทรวงพาณิชย์
3. โครงการอาหารเสริม (นม)
3.1 ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการ ต้องผ่านการรับรองจากชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด
3.2 การจำหน่ายนม ผู้ประกอบการแปรรูปนมต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงมีสิทธิจำหน่ายนมในโครงการได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้นำไปจำหน่ายในตลาดพาณิชย์
3.3 ให้ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ตรวจสอบรับรองแหล่งน้ำนมดิบและการติดค้างชำระค่าน้ำนมดิบ รวมทั้งติดตามตรวจสอบการใช้น้ำนมดิบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกร
3.4 การจำหน่ายนมให้เป็นการแข่งขันโดยเสรีไม่จำกัดพื้นที่
3.5 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานปริมาณการซื้อนมเป็นรายเดือนให้กรมปศุสัตว์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า จากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 สินค้าที่เกี่ยวข้องด้านปศุสัตว์ที่ต้องการเปิดตลาด คือ นมผงขาดมันเนย น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม ดังนี้
สินค้า ปริมาณ (ตัน) ภาษีในโควตา ภาษีนอกโควตา
นมผงขาดมันเนย 55,000 20 216
น้ำนมดิบ 2,400 20 41
นมพร้อมดื่ม 20 84
สำหรับการเปิดตลาดภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย ปี 2548 ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อตกลงที่จะเปิดตลาด ดังนี้
สินค้า ปริมาณ (ตัน) ภาษีในโควตา ภาษีนอกโควตา
นมผงขาดมันเนย 2,200 20 194.4
น้ำนมดิบ 120 20 36.9
นมพร้อมดื่ม 20 75.6
นมผงขาดมันเนยที่นำเข้าใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารนมต่าง ๆ เพื่อบริโภคภายในประเทศและส่งออก อย่างไรก็ตามการนำเข้านมผงขาดมันเนยก็จะมีผลกระทบต่อการใช้น้ำนมดิบในประเทศด้วย ในเรื่องของการผลักดันให้มีการใช้น้ำนมดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ รวมทั้งยังพบว่าในการจำหน่ายน้ำนมดิบยังคงมีปัญหาในบางพื้นที่และหรือบางช่วงเวลา ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการปศุสัตว์ แห่งชาติได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2548 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 และมีมติดังนี้
1. การจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2548 มอบให้สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อน้ำนมดิบรายใหญ่เป็นผู้บริหารจัดการ
2. ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) ที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อนมให้เด็กนักเรียนดื่มให้รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงสามารถผลิตนมจำหน่ายในโครงการอาหารเสริม (นม) ได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้ผลิตจำหน่ายในตลาดพาณิชย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 มีนาคม 2548--จบ--
1. นมผงขาดมันเนย
1.1 ปริมาณที่เปิดตลาดรวม 57,200 ตัน โดยเป็นการเปิดตลาดตามข้อผูกพันกับ WTO จำนวน 55,000 ตัน และตามความตกลงการค้าเสรี TAFTA จำนวน 2,200 ตัน
1.2 การบริหารและการจัดสรรโควตามอบให้สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทยเป็นผู้บริหาร
1.3 สำหรับอัตราภาษีในโควตาที่เปิดตลาดตามข้อผูกผัน WTO และ TAFTA ให้คิดในอัตราร้อยละ 5 ส่วนอัตราภาษีนอกโควตาสำหรับ WTO คิดร้อยละ 216 และ TAFTA คิดร้อยละ 194.4
2. น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม ปริมาณที่เปิดตลาดและอัตราภาษีในโควตาและอัตราภาษีนอกโควตาให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิมของกระทรวงพาณิชย์
3. โครงการอาหารเสริม (นม)
3.1 ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการ ต้องผ่านการรับรองจากชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด
3.2 การจำหน่ายนม ผู้ประกอบการแปรรูปนมต้องรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงมีสิทธิจำหน่ายนมในโครงการได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้นำไปจำหน่ายในตลาดพาณิชย์
3.3 ให้ชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ตรวจสอบรับรองแหล่งน้ำนมดิบและการติดค้างชำระค่าน้ำนมดิบ รวมทั้งติดตามตรวจสอบการใช้น้ำนมดิบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้เกษตรกร
3.4 การจำหน่ายนมให้เป็นการแข่งขันโดยเสรีไม่จำกัดพื้นที่
3.5 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานปริมาณการซื้อนมเป็นรายเดือนให้กรมปศุสัตว์
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า จากมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 สินค้าที่เกี่ยวข้องด้านปศุสัตว์ที่ต้องการเปิดตลาด คือ นมผงขาดมันเนย น้ำนมดิบและนมพร้อมดื่ม ดังนี้
สินค้า ปริมาณ (ตัน) ภาษีในโควตา ภาษีนอกโควตา
นมผงขาดมันเนย 55,000 20 216
น้ำนมดิบ 2,400 20 41
นมพร้อมดื่ม 20 84
สำหรับการเปิดตลาดภายใต้ความตกลงการค้าเสรีไทย - ออสเตรเลีย ปี 2548 ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีข้อตกลงที่จะเปิดตลาด ดังนี้
สินค้า ปริมาณ (ตัน) ภาษีในโควตา ภาษีนอกโควตา
นมผงขาดมันเนย 2,200 20 194.4
น้ำนมดิบ 120 20 36.9
นมพร้อมดื่ม 20 75.6
นมผงขาดมันเนยที่นำเข้าใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารนมต่าง ๆ เพื่อบริโภคภายในประเทศและส่งออก อย่างไรก็ตามการนำเข้านมผงขาดมันเนยก็จะมีผลกระทบต่อการใช้น้ำนมดิบในประเทศด้วย ในเรื่องของการผลักดันให้มีการใช้น้ำนมดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ รวมทั้งยังพบว่าในการจำหน่ายน้ำนมดิบยังคงมีปัญหาในบางพื้นที่และหรือบางช่วงเวลา ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำนมดิบให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมคณะกรรมการนโยบายและพัฒนาการปศุสัตว์ แห่งชาติได้มีการประชุมครั้งที่ 2/2548 วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 และมีมติดังนี้
1. การจัดสรรโควตานำเข้านมผงขาดมันเนย ปี 2548 มอบให้สมาคมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหารนมไทย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการรับซื้อน้ำนมดิบรายใหญ่เป็นผู้บริหารจัดการ
2. ผู้ประกอบการแปรรูปนมที่เข้าร่วมโครงการอาหารเสริม (นม) ที่รัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อนมให้เด็กนักเรียนดื่มให้รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2 ส่วน จึงสามารถผลิตนมจำหน่ายในโครงการอาหารเสริม (นม) ได้ 1 ส่วน และส่วนที่เหลือให้ผลิตจำหน่ายในตลาดพาณิชย์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 มีนาคม 2548--จบ--