คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 306 ได้บัญญัติโดยอนุโลมเป็นหลักการว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ให้ตรากฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ให้พนักงานอัยการดำรงตำแหน่งได้จนถึงอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และพนักงานอัยการซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณใด ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปี สามารถขอไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสได้ และในระยะสิบปีแรกนับแต่วันที่กฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ให้พนักงานอัยการผู้มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณใดทยอยพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่เป็นลำดับในแต่ละปีต่อเนื่องกันไป และสามารถขอไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสต่อไปได้ ดังนั้น จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมาย มีดังนี้
1. ปรับปรุงให้ข้าราชการอัยการดำรงตำแหน่งได้จนอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ โดยข้าราชการอัยการซึ่งจะดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสต้องมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปีในปีงบประมาณก่อนปีงบประมาณที่ดำรงตำแหน่ง และผ่านการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออัยการสูงสุด และเมื่อดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสแล้วจะกลับไปดำรงตำแหน่งอัยการอื่นอีกไม่ได้ (แก้ไขมาตรา 6 (ร่างมาตรา 5))
2. ปรับปรุงให้อัยการสูงสุดเสนอรายชื่ออัยการอาวุโสต่อ ก.อ. เพื่อให้ความเห็นชอบ แล้วนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป (แก้ไขมาตรา 7 (ร่างมาตรา 6))
3. แก้ไขให้อัยการสูงสุดรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (แก้ไขมาตรา 15 (ร่างมาตรา 9))
4. กำหนดบทเฉพาะกาลให้ข้าราชการอัยการซึ่งมิใช่อัยการอาวุโสและจะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ทยอยพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่เป็นลำดับในแต่ละปีต่อเนื่องกันไป (ร่างมาตรา 10)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--
สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 306 ได้บัญญัติโดยอนุโลมเป็นหลักการว่า ภายในหนึ่งปีนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ให้ตรากฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ให้พนักงานอัยการดำรงตำแหน่งได้จนถึงอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และพนักงานอัยการซึ่งมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณใด ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปี สามารถขอไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสได้ และในระยะสิบปีแรกนับแต่วันที่กฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ ให้พนักงานอัยการผู้มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปในปีงบประมาณใดทยอยพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่เป็นลำดับในแต่ละปีต่อเนื่องกันไป และสามารถขอไปดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสต่อไปได้ ดังนั้น จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโส ให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมาเพื่อดำเนินการ โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมาย มีดังนี้
1. ปรับปรุงให้ข้าราชการอัยการดำรงตำแหน่งได้จนอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ โดยข้าราชการอัยการซึ่งจะดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสต้องมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไปปฏิบัติหน้าที่มาแล้วไม่น้อยกว่ายี่สิบปีในปีงบประมาณก่อนปีงบประมาณที่ดำรงตำแหน่ง และผ่านการประเมินสมรรถภาพในการปฏิบัติหน้าที่ ให้แจ้งเป็นหนังสือต่ออัยการสูงสุด และเมื่อดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสแล้วจะกลับไปดำรงตำแหน่งอัยการอื่นอีกไม่ได้ (แก้ไขมาตรา 6 (ร่างมาตรา 5))
2. ปรับปรุงให้อัยการสูงสุดเสนอรายชื่ออัยการอาวุโสต่อ ก.อ. เพื่อให้ความเห็นชอบ แล้วนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป (แก้ไขมาตรา 7 (ร่างมาตรา 6))
3. แก้ไขให้อัยการสูงสุดรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (แก้ไขมาตรา 15 (ร่างมาตรา 9))
4. กำหนดบทเฉพาะกาลให้ข้าราชการอัยการซึ่งมิใช่อัยการอาวุโสและจะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ทยอยพ้นจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่เป็นลำดับในแต่ละปีต่อเนื่องกันไป (ร่างมาตรา 10)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--