คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติ การคัดเลือก วาระการดำรงตำแหน่ง เบี้ยประชุมและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (ร่างมาตรา 5 ถึงร่างมาตรา 13)
2. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินนเรนทรเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมีฐานะเป็นนิติบุคคลและกำหนดอำนาจหน้าที่ของสถาบัน (ร่างมาตรา 14 และร่างมาตรา 15)
3. กำหนดให้รายได้ของสถาบันประกอบด้วยเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้รายได้จากค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและการดำเนินกิจการของสถาบัน และรายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ (ร่างมาตรา 16 และร่างมาตรา 17)
4. กำหนดให้มีหน่วยรับผิดชอบในการดำเนินงานประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน กำหนดบุคลากรและวิธีการดำเนินการ (ร่างมาตรา 28)
5. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุน ในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉิน และเป็นค่าชดเชยให้หน่วยปฏิบัติการ โดยกองทุนประกอบด้วยเงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและเงินได้จากหน่วยงานของรัฐหรือกองทุนต่าง ๆ การจัดบริการด้านสาธารณสุขหรือการแพทย์ (ร่างมาตรา 33-36)
6. กำหนดให้มีโทษทางปกครอง หากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย (ร่างมาตรา 37-40)
7. กำหนดบทเฉพาะกาล ให้มีการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และโอนเงินงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในส่วนของสำนักงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ไปเป็นของสถาบันในวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับและกำหนดการดำเนินการตามบทเฉพาะกาล (ร่างมาตรา 41 ถึงร่างมาตรา 45)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--
ร่างพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติ การคัดเลือก วาระการดำรงตำแหน่ง เบี้ยประชุมและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน (ร่างมาตรา 5 ถึงร่างมาตรา 13)
2. กำหนดให้จัดตั้งสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินนเรนทรเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจมีฐานะเป็นนิติบุคคลและกำหนดอำนาจหน้าที่ของสถาบัน (ร่างมาตรา 14 และร่างมาตรา 15)
3. กำหนดให้รายได้ของสถาบันประกอบด้วยเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้รายได้จากค่าบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินและการดำเนินกิจการของสถาบัน และรายได้ของสถาบันไม่เป็นรายได้ที่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลังและกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ (ร่างมาตรา 16 และร่างมาตรา 17)
4. กำหนดให้มีหน่วยรับผิดชอบในการดำเนินงานประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้เจ็บป่วยฉุกเฉิน กำหนดบุคลากรและวิธีการดำเนินการ (ร่างมาตรา 28)
5. กำหนดให้จัดตั้งกองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุน ในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขฉุกเฉิน และเป็นค่าชดเชยให้หน่วยปฏิบัติการ โดยกองทุนประกอบด้วยเงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีและเงินได้จากหน่วยงานของรัฐหรือกองทุนต่าง ๆ การจัดบริการด้านสาธารณสุขหรือการแพทย์ (ร่างมาตรา 33-36)
6. กำหนดให้มีโทษทางปกครอง หากมีการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย (ร่างมาตรา 37-40)
7. กำหนดบทเฉพาะกาล ให้มีการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และโอนเงินงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขในส่วนของสำนักงานระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ไปเป็นของสถาบันในวันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับและกำหนดการดำเนินการตามบทเฉพาะกาล (ร่างมาตรา 41 ถึงร่างมาตรา 45)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--