คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรฐานและคู่มือการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้หน่วยงานและองค์กรเครือข่ายนำไปใช้เพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมายให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อีกทั้งให้เป็นที่รู้จักและยอมรับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มาตรฐาน และคู่มือการนำไปใช้ต่อสาธารณชน
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รายงานว่า พม. โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) ได้จัดทำมาตรฐานและคู่มือการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุขึ้นและเสนอคณะกรรมการระดับชาติของแต่ละกลุ่มเป้าหมายพิจารณาแล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นว่ามาตรฐานที่ สท. จัดทำขึ้น เป็นมาตรฐานกลางและเป็นเรื่องที่ดีที่จะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นและได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ควรมีการพัฒนาปรับปรุงมาตรฐานนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรฐานตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มาตรฐานและคู่มือดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ในปี 2548 พม. โดย สท. ได้ร่วมกับคณะที่ปรึกษาจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อสร้างและพัฒนามาตรฐาน เกณฑ์และตัวชี้วัดการส่งเสริม สวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุขึ้น ภายใต้ข้อกำหนด 5 ด้านของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ข้อกำหนดด้านความมั่นคงในชีวิต ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิทธิทางสังคม ซึ่งข้อกำหนดใน 5 ด้านดังกล่าว ถือเป็นดัชนีร่วมของทั้ง 5 กลุ่มเป้าหมาย โดยมีองค์ประกอบ ตัวชี้วัดเฉพาะของกลุ่มที่สะท้อนปัญหา สถานการณ์ และความต้องการในระดับที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมาย
2. หลักการสร้างมาตรฐาน เกณฑ์ และตัวชี้วัดกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยหลักการ ได้แก่
2.1 สิทธิการเข้าถึงบริการ ประกอบด้วย สิทธิความเป็นพลเมือง สิทธิความเสมอภาคและเป็นธรรม สิทธิในการรับบริการ การได้รับการเสริมพลังความสามารถพิทักษ์สิทธิของตนเอง และการไม่กระทบผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
2.2 ประสิทธิภาพของบริการ ประกอบด้วย ความคุ้มค่า ความเป็นไปได้ และการตรวจสอบความโปร่งใส
2.3 คุณภาพของบริการ ประกอบด้วย การยอมรับในสภาพที่เป็นจริงของกลุ่มเป้าหมาย การไม่ถูกเลือกปฏิบัติ/กีดกัน การไม่ถูกตีตรา การไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบและความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย
3. หลักการสร้างมาตรฐานได้นำมาสู่การสร้างองค์ประกอบของมาตรฐานการพัฒนา 5 ข้อกำหนดของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
3.1 ข้อกำหนดความมั่นคงในชีวิต ประกอบด้วย สุขภาพ ที่อยู่อาศัยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.2 ข้อกำหนดการศึกษา ประกอบด้วย การศึกษาและทักษะการใช้ชีวิต
3.3 ข้อกำหนดเศรษฐกิจ ประกอบด้วย อาชีพ งานและรายได้
3.4 ข้อกำหนดสังคม ประกอบด้วย การยอมรับ การเข้าถึงบริการ นันทนาการ การมีส่วนร่วม ศาสนา/ความเชื่อ ภูมิปัญญา/วัฒนธรรม และการเข้าถึงบริการข้อมูลข่าวสาร
3.5 ข้อกำหนดสิทธิทางสังคม/การคุ้มครองสิทธิ ประกอบด้วย บริการพื้นฐาน การคุ้มครองสิทธิ สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่ทางสังคม
4. เมื่อสร้างมาตรฐานเรียบร้อยแล้วจะต้องมีการปรับปรุง พัฒนามาตรฐานให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของปัญหาสังคมในแต่ละช่วงเวลาแต่ละพื้นที่ มาตรฐานและตัวชี้วัดจึงเป็นตัวกำหนดที่ใช้อธิบายวัดผลความเปลี่ยนแปลง บ่งชี้ถึงสถานภาพ ประเมินความสำเร็จ ประเมินความก้าวหน้าของผลการดำเนินงานขององค์กรและเครือข่าย
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุไปใช้ ประกอบด้วยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานอิสระและเครือข่าย องค์กรที่ปฏิบัติงานด้านเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) รายงานว่า พม. โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) ได้จัดทำมาตรฐานและคู่มือการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุขึ้นและเสนอคณะกรรมการระดับชาติของแต่ละกลุ่มเป้าหมายพิจารณาแล้ว ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ความเห็นว่ามาตรฐานที่ สท. จัดทำขึ้น เป็นมาตรฐานกลางและเป็นเรื่องที่ดีที่จะส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นและได้ให้ข้อเสนอแนะว่า ควรมีการพัฒนาปรับปรุงมาตรฐานนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มาตรฐานตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มาตรฐานและคู่มือดังกล่าว มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ในปี 2548 พม. โดย สท. ได้ร่วมกับคณะที่ปรึกษาจากคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อสร้างและพัฒนามาตรฐาน เกณฑ์และตัวชี้วัดการส่งเสริม สวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการและผู้สูงอายุขึ้น ภายใต้ข้อกำหนด 5 ด้านของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ข้อกำหนดด้านความมั่นคงในชีวิต ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิทธิทางสังคม ซึ่งข้อกำหนดใน 5 ด้านดังกล่าว ถือเป็นดัชนีร่วมของทั้ง 5 กลุ่มเป้าหมาย โดยมีองค์ประกอบ ตัวชี้วัดเฉพาะของกลุ่มที่สะท้อนปัญหา สถานการณ์ และความต้องการในระดับที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมาย
2. หลักการสร้างมาตรฐาน เกณฑ์ และตัวชี้วัดกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วยหลักการ ได้แก่
2.1 สิทธิการเข้าถึงบริการ ประกอบด้วย สิทธิความเป็นพลเมือง สิทธิความเสมอภาคและเป็นธรรม สิทธิในการรับบริการ การได้รับการเสริมพลังความสามารถพิทักษ์สิทธิของตนเอง และการไม่กระทบผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย
2.2 ประสิทธิภาพของบริการ ประกอบด้วย ความคุ้มค่า ความเป็นไปได้ และการตรวจสอบความโปร่งใส
2.3 คุณภาพของบริการ ประกอบด้วย การยอมรับในสภาพที่เป็นจริงของกลุ่มเป้าหมาย การไม่ถูกเลือกปฏิบัติ/กีดกัน การไม่ถูกตีตรา การไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบและความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย
3. หลักการสร้างมาตรฐานได้นำมาสู่การสร้างองค์ประกอบของมาตรฐานการพัฒนา 5 ข้อกำหนดของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่
3.1 ข้อกำหนดความมั่นคงในชีวิต ประกอบด้วย สุขภาพ ที่อยู่อาศัยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
3.2 ข้อกำหนดการศึกษา ประกอบด้วย การศึกษาและทักษะการใช้ชีวิต
3.3 ข้อกำหนดเศรษฐกิจ ประกอบด้วย อาชีพ งานและรายได้
3.4 ข้อกำหนดสังคม ประกอบด้วย การยอมรับ การเข้าถึงบริการ นันทนาการ การมีส่วนร่วม ศาสนา/ความเชื่อ ภูมิปัญญา/วัฒนธรรม และการเข้าถึงบริการข้อมูลข่าวสาร
3.5 ข้อกำหนดสิทธิทางสังคม/การคุ้มครองสิทธิ ประกอบด้วย บริการพื้นฐาน การคุ้มครองสิทธิ สิ่งอำนวยความสะดวก และพื้นที่ทางสังคม
4. เมื่อสร้างมาตรฐานเรียบร้อยแล้วจะต้องมีการปรับปรุง พัฒนามาตรฐานให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของปัญหาสังคมในแต่ละช่วงเวลาแต่ละพื้นที่ มาตรฐานและตัวชี้วัดจึงเป็นตัวกำหนดที่ใช้อธิบายวัดผลความเปลี่ยนแปลง บ่งชี้ถึงสถานภาพ ประเมินความสำเร็จ ประเมินความก้าวหน้าของผลการดำเนินงานขององค์กรและเครือข่าย
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการนำมาตรฐานการส่งเสริมสวัสดิภาพและคุ้มครองพิทักษ์สิทธิเด็กเยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุไปใช้ ประกอบด้วยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานองค์กรพัฒนาเอกชน หน่วยงานอิสระและเครือข่าย องค์กรที่ปฏิบัติงานด้านเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤศจิกายน 2550--จบ--