คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานการส่งออก — นำเข้าสินค้าระหว่างไทย — จีน (1 ต.ค.46 — 30 มิ.ย.48) ไทย — อินเดีย (1 ก.ย.47 — 30 มิ.ย.48) และไทย — ออสเตรเลีย (1 ม.ค.48 — 30 มิ.ย.48) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ดังนี้
1. การออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าออกไปยังประเทศที่มีข้อตกลงฯ ดังกล่าว ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 30 มิ.ย.48รวมทั้งสิ้น 35,483 ฉบับ มูลค่า 1,663.36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 65,232.59 ล้านบาทแยกได้ดังนี้
1.1 ไทย- จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46 — 30 มิ.ย. 48 สำหรับการส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01 —08จำนวน 26,203 ฉบับ ปริมาณ 4,973,323 ตัน มูลค่า 25,260.56 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น
1.2 ไทย — อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47 — 30 มิ.ย.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ จำนวน 1,393 ฉบับ มูลค่า 4,493.64 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ โพลิคาร์บอเนต
1.3 ไทย — ออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค. 30 มิ.ย.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ จำนวน 7,887 ฉบับ มูลค่า 35,478.39 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุดได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ
2. การส่งออก — นำเข้าตามข้อมูลสถิติของกรมศุลกากร ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ไปยังประเทศจีน อินเดีย และออสเตรเลีย รวมมูลค่า 75,541.29 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าในรายการใต้ข้อตกลงฯ รวมมูลค่า 66,777.09 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
2.1 ไทย — จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01 — 08 ปริมาณ 4,837,514 ตัน มูลค่า 23,271.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 43 และ 34 ตามลำดับ เนื่องจากมีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและผลไม้ ได้แก่ ลำไยแห้ง/สด ลิ้นจี่ ทุเรียน และมังคุดเพิ่มขึ้นโดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าพิกัดฯ 01 — 08 ปริมาณ 476,529 ตัน มูลค่า 10,477.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 48 และ 34 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำเข้าผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล แพร์และควินสด เห็ดแห้ง และปลาแช่แข็งเพิ่มขึ้น โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ตั้งแต่เดือนต.ค.46-พ.ค.48 ไทยฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 12,793.78 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34
2.2 ไทย — อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง จำนวน 82 รายการ มูลค่า 6,835.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 137 เนื่องจากมีการส่งออกเครื่องรับโทรทัศน์สี หลอดภาพแคโทดเรย์ โพลิคาร์บอเนตและอิพอกไซด์เรซินเพิ่มขึ้นโดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 1,929.84 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30 เนื่องจากมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า และอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ลดลง โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ กระปุกเกียร์ ตั้งแต่ ก.ย.47 — พ.ค. 48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับอินเดีย จำนวน 4,905.27 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4,126
2.3 ไทย — ออสเตรเลีย ตั้งแต่ ม.ค. — พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 45,435.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากมีการส่งออกยานยนต์สำหรับขนส่งของ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์ สำหรับขนส่งของ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 53,370.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 86 เนื่องจากได้มีการนำเข้าทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปและน้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันที่ได้จากแร่บิทูมินัสเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ ม.ค. — พ.ค.48 ไทยขาดดุลการค้ากับออสเตรเลียจำนวน 7,934.85 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งได้ดุลการค้า 7,687.05 ล้านบาท ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 203 เนื่องจากมีการนำเข้าทองคำฯ เป็นมูลค่า 21,122.70 ล้านบาท และน้ำมันฯ มูลค่า 7,662.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 และ 14 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด โดยนำเข้าน้ำมันฯ ในเดือน พ.ค.48 มูลค่า 4,590.32 ล้านบาท ในขณะที่เดือน ก.พ 48 และ เม.ย 48 ไม่มีการนำเข้า สำหรับเดือน ม.ค.48 และเดือน มี.ค.48 มีการนำเข้ามูลค่า 673.67 ล้านบาท และ 2,398.24 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตามหากหักมูลค่าการนำเข้าทองคำฯ และน้ำมันฯ จำนวน 28,784.93 ล้านบาทแล้ว ไทยจะได้ดุลการค้าจำนวน 20,363.62 ล้านบาท โดยในเดือน พ.ค.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าจำนวน 6,007.21 ล้านบาท ได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.48 จำนวน 2,223.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 59
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 สิงหาคม 2548--จบ--
1. การออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า กระทรวงพาณิชย์ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสำหรับการส่งสินค้าออกไปยังประเทศที่มีข้อตกลงฯ ดังกล่าว ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 30 มิ.ย.48รวมทั้งสิ้น 35,483 ฉบับ มูลค่า 1,663.36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 65,232.59 ล้านบาทแยกได้ดังนี้
1.1 ไทย- จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค. 46 — 30 มิ.ย. 48 สำหรับการส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01 —08จำนวน 26,203 ฉบับ ปริมาณ 4,973,323 ตัน มูลค่า 25,260.56 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น
1.2 ไทย — อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47 — 30 มิ.ย.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 82 รายการ จำนวน 1,393 ฉบับ มูลค่า 4,493.64 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุด ได้แก่ โพลิคาร์บอเนต
1.3 ไทย — ออสเตรเลีย ตั้งแต่ 1 ม.ค. 30 มิ.ย.48 สำหรับการส่งออกสินค้าตามข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ จำนวน 7,887 ฉบับ มูลค่า 35,478.39 ล้านบาท สินค้าที่ขอหนังสือรับรองฯ มากที่สุดได้แก่ ยานยนต์สำหรับขนส่งของ
2. การส่งออก — นำเข้าตามข้อมูลสถิติของกรมศุลกากร ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง FTA ไปยังประเทศจีน อินเดีย และออสเตรเลีย รวมมูลค่า 75,541.29 ล้านบาท และนำเข้าสินค้าในรายการใต้ข้อตกลงฯ รวมมูลค่า 66,777.09 ล้านบาท แยกได้ดังนี้
2.1 ไทย — จีน ตั้งแต่ 1 ต.ค.46 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าพิกัดฯ 01 — 08 ปริมาณ 4,837,514 ตัน มูลค่า 23,271.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 43 และ 34 ตามลำดับ เนื่องจากมีการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและผลไม้ ได้แก่ ลำไยแห้ง/สด ลิ้นจี่ ทุเรียน และมังคุดเพิ่มขึ้นโดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังชนิดเป็นชิ้น ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าพิกัดฯ 01 — 08 ปริมาณ 476,529 ตัน มูลค่า 10,477.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 48 และ 34 ตามลำดับ เนื่องจากมีการนำเข้าผลไม้ ได้แก่ แอปเปิ้ล แพร์และควินสด เห็ดแห้ง และปลาแช่แข็งเพิ่มขึ้น โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ แอปเปิ้ลสด ตั้งแต่เดือนต.ค.46-พ.ค.48 ไทยฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน จำนวน 12,793.78 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 34
2.2 ไทย — อินเดีย ตั้งแต่ 1 ก.ย.47 — 31 พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลง จำนวน 82 รายการ มูลค่า 6,835.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 137 เนื่องจากมีการส่งออกเครื่องรับโทรทัศน์สี หลอดภาพแคโทดเรย์ โพลิคาร์บอเนตและอิพอกไซด์เรซินเพิ่มขึ้นโดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ เครื่องรับโทรทัศน์สี ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 1,929.84 ล้านบาท ลดลงจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 30 เนื่องจากมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า และอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ลดลง โดยสินค้านำเข้าที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ กระปุกเกียร์ ตั้งแต่ ก.ย.47 — พ.ค. 48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับอินเดีย จำนวน 4,905.27 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 4,126
2.3 ไทย — ออสเตรเลีย ตั้งแต่ ม.ค. — พ.ค.48 ไทยส่งออกสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ จำนวน 5,505 รายการ มูลค่า 45,435.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 25 เนื่องจากมีการส่งออกยานยนต์สำหรับขนส่งของ รถยนต์และยานยนต์สำหรับขนส่งบุคคลเพิ่มขึ้น โดยสินค้าส่งออกที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้แก่ ยานยนต์ สำหรับขนส่งของ ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าภายใต้ข้อตกลงฯ มูลค่า 53,370.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 86 เนื่องจากได้มีการนำเข้าทองคำยังไม่ได้ขึ้นรูปและน้ำมันปิโตรเลียมดิบและน้ำมันที่ได้จากแร่บิทูมินัสเพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ ม.ค. — พ.ค.48 ไทยขาดดุลการค้ากับออสเตรเลียจำนวน 7,934.85 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนซึ่งได้ดุลการค้า 7,687.05 ล้านบาท ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 203 เนื่องจากมีการนำเข้าทองคำฯ เป็นมูลค่า 21,122.70 ล้านบาท และน้ำมันฯ มูลค่า 7,662.23 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40 และ 14 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด โดยนำเข้าน้ำมันฯ ในเดือน พ.ค.48 มูลค่า 4,590.32 ล้านบาท ในขณะที่เดือน ก.พ 48 และ เม.ย 48 ไม่มีการนำเข้า สำหรับเดือน ม.ค.48 และเดือน มี.ค.48 มีการนำเข้ามูลค่า 673.67 ล้านบาท และ 2,398.24 ล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตามหากหักมูลค่าการนำเข้าทองคำฯ และน้ำมันฯ จำนวน 28,784.93 ล้านบาทแล้ว ไทยจะได้ดุลการค้าจำนวน 20,363.62 ล้านบาท โดยในเดือน พ.ค.48 ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าจำนวน 6,007.21 ล้านบาท ได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.48 จำนวน 2,223.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 59
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 2 สิงหาคม 2548--จบ--