รายงานผลการเจรจาต่อรองค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร และค่าน้ำมันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการเจรจาต่อรองค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร และค่าน้ำมันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 ตุลาคม 2544 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สรุปได้ดังนี้
1. การเจรจาต่อรองหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร สำหรับยอดหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารและดอกเบี้ย ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 มีจำนวนรวม 1,912.285 ล้านบาท แยกเป็นค่าเหมาซ่อม1,764.732 ล้านบาท และค่าดอกเบี้ย 147.553 ล้านบาท นั้น บริษัทผู้รับเหมาซ่อมรถทั้ง 4 บริษัท ได้ยืนยันขอคิดดอกเบี้ยตามสัญญาทุกประการ โดยบริษัทเอกชนผู้รับเหมาซ่อมจำนวน 3 บริษัท ได้ยินยอมลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระค่าเช่าและค่าซ่อมแซมรักษารถยนต์โดยสารตามสัญญาเช่ารถปรับอากาศยูโรทู จำนวน 797 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม2544 เป็นต้นไป จากอัตราร้อยละ 15 เป็นอัตรา MLR + 0.75 ทบต้น
2. การเจรจาต่อรองหนี้ค้าน้ำมันและดอกเบี้ย สำหรับยอดหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ย ณ วันที่ 30 กันยายน2544 มีจำนวนรวม 4,152.753 ล้านบาท แยกเป็นค่าน้ำมัน 3,749.024 ล้านบาท และค่าดอกเบี้ย 403.729 ล้านบาท นั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยินดีรับชำระหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงิน 3,900 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่ง ขสมก. ได้ดำเนินการกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุเงินกู้5 ปี และได้ชำระหนี้ให้กับ ปตท. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2544 แล้ว
3. จากผลการเจรจาต่อรองดังกล่าวในข้อ 1 และข้อ 2 จึงได้ข้อยุติเฉพาะหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ยของปตท. เท่านั้น สำหรับหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารยังไม่ได้ข้อยุติตามมติคณะรัฐมนตรี
สำหรับการพิจารณาหาแหล่งเงินให้ ขสมก. เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารพร้อมดอกเบี้ยจนถึง ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 เป็นจำนวนเงิน 1,912.285 ล้านบาท โดยขอให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้ ขสมก. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติอนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ ขสมก. กู้เงินจำนวน 1,912.285 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารพร้อมดอกเบี้ย โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย และ ขสมก. เป็นผู้รับภาระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินได้ตามความเหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวให้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มี.ค. 45--จบ--
-สส-
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานผลการเจรจาต่อรองค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร และค่าน้ำมันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 ตุลาคม 2544 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สรุปได้ดังนี้
1. การเจรจาต่อรองหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสาร สำหรับยอดหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารและดอกเบี้ย ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 มีจำนวนรวม 1,912.285 ล้านบาท แยกเป็นค่าเหมาซ่อม1,764.732 ล้านบาท และค่าดอกเบี้ย 147.553 ล้านบาท นั้น บริษัทผู้รับเหมาซ่อมรถทั้ง 4 บริษัท ได้ยืนยันขอคิดดอกเบี้ยตามสัญญาทุกประการ โดยบริษัทเอกชนผู้รับเหมาซ่อมจำนวน 3 บริษัท ได้ยินยอมลดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระค่าเช่าและค่าซ่อมแซมรักษารถยนต์โดยสารตามสัญญาเช่ารถปรับอากาศยูโรทู จำนวน 797 คัน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม2544 เป็นต้นไป จากอัตราร้อยละ 15 เป็นอัตรา MLR + 0.75 ทบต้น
2. การเจรจาต่อรองหนี้ค้าน้ำมันและดอกเบี้ย สำหรับยอดหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ย ณ วันที่ 30 กันยายน2544 มีจำนวนรวม 4,152.753 ล้านบาท แยกเป็นค่าน้ำมัน 3,749.024 ล้านบาท และค่าดอกเบี้ย 403.729 ล้านบาท นั้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยินดีรับชำระหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ย เป็นจำนวนเงิน 3,900 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี ซึ่ง ขสมก. ได้ดำเนินการกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยการออกตั๋วสัญญาใช้เงินอายุเงินกู้5 ปี และได้ชำระหนี้ให้กับ ปตท. เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2544 แล้ว
3. จากผลการเจรจาต่อรองดังกล่าวในข้อ 1 และข้อ 2 จึงได้ข้อยุติเฉพาะหนี้ค่าน้ำมันและดอกเบี้ยของปตท. เท่านั้น สำหรับหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารยังไม่ได้ข้อยุติตามมติคณะรัฐมนตรี
สำหรับการพิจารณาหาแหล่งเงินให้ ขสมก. เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารพร้อมดอกเบี้ยจนถึง ณ วันที่ 30 เมษายน 2544 เป็นจำนวนเงิน 1,912.285 ล้านบาท โดยขอให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้ ขสมก. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ นั้น คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติอนุมัติตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ ขสมก. กู้เงินจำนวน 1,912.285 ล้านบาท เพื่อชำระหนี้ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์โดยสารพร้อมดอกเบี้ย โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย และ ขสมก. เป็นผู้รับภาระคืนต้นเงินและดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายในการกู้เงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงินได้ตามความเหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าวให้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 มี.ค. 45--จบ--
-สส-